วันนี้ (31 มกราคม) เวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ และผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช. / ผอ.ศตคม.ตร. / ผอ.ศปอส.ตร.) เป็นประธานการประชุมหารือร่วมกับเอกอัครราชทูตและผู้แทนจาก 15 ประเทศ
ประกอบด้วย สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล, สหสาธารณรัฐแทนซาเนีย, สหพันธรัฐรัสเซีย, สาธารณรัฐฟิลิปปินส์, สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา, สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว, สาธารณรัฐอินเดีย, สาธารณรัฐประชาชนจีน, สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา, สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ, สาธารณรัฐอินโดนีเซีย, สาธารณรัฐเคนยา, สหรัฐอเมริกา, ราชอาณาจักรโมร็อกโก และยูเครน รวมถึงสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC)
ขณะที่เจ้าหน้าที่ทางการไทย ประกอบด้วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี, ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนามาตรการป้องกันการลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมายของชาวต่างชาติ ตลอดจนเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ
พล.ต.อ. ธัชชัย กล่าวภายหลังการหารือว่า วันนี้เป็นการเชิญประเทศที่มีประชาชนถูกหลอกลวงให้ไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเป็นการเดินทางผ่านประเทศไทยมาหารือกัน จากการพูดคุยได้ขอความร่วมมือให้หลังจากนี้การประสานงานแต่ละประเทศต้องเป็นไปโดยง่าย ขอให้สามารถพูดคุยกันได้ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน
กรณีที่พบคนชาติใดก็ตามเดินทางไปในพื้นที่เป้าหมาย ยกตัวอย่างเช่น อำเภอแม่สอด ไม่ว่าจะเป็นการผ่านทางบกหรือทางอากาศ และไม่มีแผนการท่องเที่ยวที่ชัดเจน เจ้าหน้าที่ประจำด่านจะต้องติดต่อกลับไปทางสถานทูตชาตินั้นๆ เพื่อให้สื่อสารกันระหว่างคนในชาติ เป็นการป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มคอลเซ็นเตอร์
โดยคนต่างชาติที่เข้าพื้นที่อำเภอแม่สอดจะถูกซักถามเช่นเดียวกับการที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าทางสนามบิน จะต้องมีการให้ข้อมูลได้ในส่วนของการท่องเที่ยวการเดินทางที่ชัดเจน ซึ่งผลจากการหารือคือสถานทูตมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะทำตามแผนนี้
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าจากข้อมูลที่ได้รับ บุคคลที่ข้ามไปประเทศเพื่อนบ้านด้วยการผ่านอำเภอแม่สอดทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ไปด้วยความสมัครใจ บางคนไปทำธุรกิจหรือไปท่องเที่ยวจริง แต่ส่วนหนึ่งไปโดยไม่มีความชัดเจนว่าไปท่องเที่ยวที่ไหน อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมยังมีการหารือเพื่อที่จะปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านไทย แต่เกิดขึ้นทั่วโลก
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่ทางการจีนลงพื้นที่ตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน และให้ข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่ไทยอยู่เบื้องหลังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยืนยันว่ายังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ การลงพื้นที่ของทางการจีนเป็นเพียงการตรวจตราตามศูนย์ประสานงานระหว่างชายแดน
ส่วนการที่ทางการไทยเตรียมตัดไฟฟ้าและระบบสื่อสารกับประเทศเพื่อนบ้าน พล.ต.อ. ธัชชัย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ไทยได้ตัดระบบสื่อสารครั้งใหญ่ที่สุดเมื่อไม่นานนี้ที่เมืองเมียวดี ซึ่งเป็นเส้นใหญ่ที่สุด พิสูจน์ทราบเชื่อได้ว่าสายสื่อสารดังกล่าวจะสามารถเลี้ยงระบบสื่อสารในเมืองดังกล่าวได้ทั้งเมือง และยังสามารถลากข้ามไปยังศูนย์กลางเศรษฐกิจพิเศษได้ 20-30 กิโลเมตร
พล.ต.อ. ธัชชัย กล่าวอีกว่า ในที่ประชุมเห็นตรงกันในเรื่องการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และแสดงความกังวลในการช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ข้างในเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลายประเทศ เพราะยังมีคนของประเทศนั้นๆ ที่ถูกหลอกอยู่ ส่วนสถานการณ์คอลเซ็นเตอร์ทางเหนือของแม่สอดที่มีรายงานว่ามีจำนวนลดลง จำนวนนี้เชื่อว่ากำลังเคลื่อนย้ายฐานที่ตั้งไปอยู่ตรงข้ามจังหวัดกาญจนบุรี
