วันนี้ (23 มกราคม) อรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า ช่วงเช้าวันนี้ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง พื้นที่ที่เกินมาตรฐานในระดับสีแดง ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพ มีจำนวน 35 พื้นที่
ส่วนพื้นที่ที่พบค่าฝุ่นเกิน 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร มีจำนวน 16 พื้นที่ คือ ริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน, แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม, เขตจอมทอง, ริมถนนบางนา-ตราด เขตบางนา, ริมถนนสุขาภิบาล 5 เขตสายไหม, แยกสวนสยาม-รามอินทรา เขตคันนายาว, ริมถนนลาดกระบัง เขตลาดกระบัง, ริมถนนสีหบุรานุกิจ เขตมีนบุรี, ริมถนนเลียบวารี เขตหนองจอก, ริมถนนศรีนครินทร์ เขตประเวศ, ริมถนนคลองทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา, ริมถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 เขตหนองแขม, ริมถนนเอกชัย เขตบางบอน, ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ, ตำบลมหาชัย อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร และตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ
ส่วนระดับสีส้ม ซึ่งเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ มีจำนวน 39 พื้นที่ และฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เนื่องจากสภาพอากาศช่วงนี้จนถึงวันที่ 26 มกราคม จะมีความเร็วลมต่ำและลมสงบ ส่งผลให้เกิดการสะสมของฝุ่นละอองให้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในทุกภาคของประเทศ
โดยทาง ศกพ. ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจจับและควบคุมรถยนต์ที่ปล่อยควันดำบนท้องถนน ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและเข้มงวด จะช่วยลดฝุ่น PM2.5 ลงได้ค่อนข้างมาก ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเพียงบางส่วนของมาตรการรัฐบาลที่ได้ดำเนินการไปแล้วอย่างเข้มงวด
ขณะที่ทั่วประเทศค่าฝุ่น PM2.5 และ PM10 ปรับตัวสูงขึ้นหลายพื้นที่เช่นกันทั้งระดับสีส้มและสีแดง โดยที่เกินมาตรฐานระดับสีแดงมีจำนวน 37 พื้นที่ เช่น ตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี, ตำบลวังเย็น อำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นต้น อันเนื่องจากสภาพอุตุนิยมวิทยาและการเผาในที่โล่ง โดยทาง คพ. ได้ขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่งดการเผาในที่โล่ง เพื่อป้องกันการเพิ่มสูงขึ้นของฝุ่นละอองต่อเนื่องและส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล