แม้ว่าพิษเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว หลายทำเลเริ่มหยุดชะงัก แต่ทำเลทองในกรุงเทพฯ หลายแห่งยังได้รับความสนใจอยู่เสมอ ‘สาทร’ ก็เป็นหนึ่งในนั้น ด้วยทำเลที่มีศักยภาพสูง เป็นฐานที่มั่นของบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยและเทศ อาคารสำนักงานจำนวนมาก โดยเฉพาะธนาคารและสถาบันการเงินยึดครองพื้นที่โดยรอบ การเดินทางเชื่อมต่อเส้นทางคมนาคมสู่โซนสำคัญๆ และยังมีขนส่งสาธารณะ BTS, MRT และ BRT ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่เลือกปักเสาเข็มผุดคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์มากมาย
ความต้องการของตลาดยังมีต่อเนื่อง ซื้อเพื่ออยู่อาศัยก็ดีหรือซื้อเพื่อลงทุนยิ่งเหมาะ ก็น่าจะเป็นเหตุผลที่ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) (TTA) บริษัทเพื่อการลงทุนเชิงกลยุทธ์ เลือกขยายการลงทุนมายังตลาดอสังหาริมทรัพย์ เพราะเล็งเห็นถึงศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต นอกเหนือจากกลุ่มธุรกิจที่ได้เข้าไปลงทุนกว่า 5 กลุ่มธุรกิจ ทั้งธุรกิจชิปปิ้ง น้ำมันและก๊าซ อาหาร และธุรกิจอื่นๆ อีกมากมาย โดยเลือก ‘สาทร’ เป็นทำเลแรก ที่สำคัญยังเป็นทำเลที่ดินผืนสุดท้ายใจกลางสาทร
ประเดิมเปิดตัวโครงการแจ้งเกิด ‘125 SATHORN’ คอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่ ภายใต้คอนเซปต์ ‘The Exceptional Home on Sathorn’ ด้วยรูปแบบงานสถาปัตยกรรมสไตล์ Luxury Modern Classic ติดถนนสาทร บนพื้นที่กว่า 3 ไร่ หน้ากว้างถึง 97 เมตร อาคารแฝด 36 ชั้น รวมมูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท ภายใต้บริษัท พีเอ็มที พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (PMT) จับกลุ่มลูกค้า ‘ไฮเอนด์’
ว่าแต่ทำไม ‘125 SATHORN’ จึงถูกมองว่าเป็น ‘Rare Item’ ใหม่บนถนนสาทร เราวิเคราะห์ให้
ทำเลศักยภาพผืนสุดท้ายใจกลางสาทร เหมาะทั้งการอยู่อาศัยและลงทุนที่ยั่งยืนในระยะยาว
‘สาทร’ เป็นทำเลทอง และ Business Hub ใจกลางเมือง อีกทั้งละแวกโดยรอบยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่องค์กรระดับโลก สถานทูตประเทศต่างๆ โรงเรียนนานาชาติชั้นนำของเอเชีย โรงแรมและร้านอาหารระดับลักซ์ชัวรี่โรงพยาบาลชั้นนำ ตลอดจนเมกะโปรเจกต์แห่งอนาคตอีกหลายแห่ง และมี ‘สวนสาธารณะคลองช่องนนทรี’ สวนสาธารณะริมคลองแห่งใหม่ที่ยาวที่สุดในกรุงเทพฯ ทำให้สาทรที่มีทั้งดีมานด์และซัพพลายคอนโดมิเนียม คาดการณ์ช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ทำเลสาทรจะมีศักยภาพสูง จากแผนพัฒนาเมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่ในพื้นที่รอยต่อ เช่น โครงการ วัน แบงค็อก (One Bangkok) ส่งผลให้ราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้น ล่าสุดราคาพุ่งสูงเป็นอันดับ 2 ของราคาที่ดินทั่วกรุงเทพฯ ด้วยราคา 2.5 ล้านบาทต่อตารางวา และมีแนวโน้มปรับราคาเพิ่มเฉลี่ยปีละ 2-3%
โครงการ ‘125 SATHORN’ ได้ทำเลหน้ากว้างติดถนนกว่า 97 เมตร ซึ่งแทบจะหาที่ดินติดถนนใจกลางเมืองเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาได้ยาก จากช่วงถนนพระราม 4 ถึงแยกนราธิวาส มีที่ดินเพียง 81 แปลง และมีแปลงขนาดใหญ่ไม่ถึงครึ่ง ในจำนวนที่ว่านี้เกินครึ่งถูกพัฒนาเป็นอาคารขนาดใหญ่หมดแล้ว ส่วนที่เหลือเป็นที่ดินของสถานทูต ทำให้ทำเลที่ตั้งของถนนสาทรกลายเป็น ‘Rare Item’ อย่างแท้จริง เพราะนับจากนี้ไปจะเป็นโอกาสยากที่จะมีที่ดินแปลงใหญ่ติดถนนสาทรที่สามารถนำมาพัฒนาเป็นโครงการขนาดใหญ่เช่นนี้ได้
อีกทั้งข้อได้เปรียบด้านการเดินทางที่สะดวก เชื่อมต่อเส้นทางคมนาคมสู่โซนสำคัญๆ และอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสช่องนนทรีและสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินลุมพินีเพียง 500 เมตร และพื้นที่สำนักงาน 1 ใน 4 ของกรุงเทพฯ อยู่ในย่านสาทร-สีลม ทำให้ความต้องการในการซื้อต่อและเช่าเพิ่มสูงขึ้น คอนโดมิเนียมในทำเลนี้มีราคาปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มฐานลูกค้าที่เป็น Expat ทำงานในประเทศไทย จะเป็นเรียลดีมานด์ทั้งการซื้อและเช่าในระยะยาว ตอกย้ำการเป็นโครงการบนทำเลศักยภาพรอบด้านอย่างแท้จริง
เสริมแกร่งธุรกิจ ผนึกพันธมิตรอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกจากญี่ปุ่น KRD และ TCC มาร่วมลงทุน
การผนึกกำลังไม่ใช่เพียงการร่วมทุน แต่ยังนำ Know How ของอสังหายักษ์ใหญ่อย่าง บริษัท คันเดน เรียลตี้ แอนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (KRD) ที่มีผลงานความสำเร็จของโครงการ Mix-Used การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยกว่า 50,000 ยูนิตทั่วประเทศญี่ปุ่น และ บริษัท โทเร คอนสตรัคชั่น จำกัด (TCC) ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับเวิลด์คลาสทั้งในญี่ปุ่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทั่วโลก มาร่วมกันพัฒนา ดังนั้นจะมีการนำความรู้ทางนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้านการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในประเทศญี่ปุ่นมาใช้ในโครงการ 125 SATHORN อย่างแน่นอน
รวมเบอร์หนึ่งด้านการออกแบบร่วมรังสรรค์ผลงานชิ้นเอกระดับแฟลกชิป
125 SATHORN ได้รวมสุดยอดบริษัทผู้พัฒนาและออกแบบ รวมทั้งสถาปนิกชั้นนำระดับโลก มาร่วมกันออกแบบพื้นที่ทุกตารางเมตรทั้งภายในและภายนอกให้กับ 125 SATHORN รังสรรค์ให้เป็นผลงานชิ้นเอกระดับแฟลกชิป เช่น Palmer & Turner Group (P&T) บริษัทสถาปนิกชั้นนำจากฮ่องกง ที่คว้ารางวัลด้านการออกแบบมากมาย ไม่ว่าจะเป็น รางวัลชนะเลิศ Asia Pacific Property Awards – Residential High Rise Architecture Winner จากการออกแบบอาคาร Elite Tower ปี 2022, รางวัล Asia Pacific Property Awards – Best High Rise Architecture จากการออกแบบคอนโดระดับลักซ์ชัวรี่ Clavon ที่สิงคโปร์ ปี 2021 และคว้ารางวัล ArchSD Annual Award – Special Award (Sustainable Design) ในการออกแบบ Cognitio College ที่ฮ่องกง ในปี 2020
นอกจากนี้ยังได้ Design Worldwide Partnership (DWP) บริษัทที่ปรึกษาด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบระดับสากล ที่เคยคว้ารางวัล Interior Design Award 2019 จาก BCI Asia Awards การันตีผลงานในการออกแบบ รวมถึง TROP บริษัทออกแบบภูมิทัศน์ชั้นนำ การันตีผลงานด้วยรางวัล ASLA (American Society of Landscape Architects) จากโครงการ Quattro by Sansiri ตามมาด้วยรางวัลจากหลายสถาบัน เช่น Singapore Property Awards, Asia Pacific Hotel Awards และ TALA Professional Award เป็นต้น
สิ่งอำนวยความสะดวกระดับพรีเมียม บนพื้นที่กว่า 4,500 ตร.ม.
สิ่งอำนวยความสะดวกระดับพรีเมียมทั้งในร่มและกลางแจ้ง บนพื้นที่กว่า 4,500 ตร.ม. เช่น สระว่ายน้ำ Pool Cabana & Pavilion ขนาด 50 เมตร ทั้งในร่มและกลางแจ้ง, Kids Water Zone สระว่ายน้ำสำหรับเด็ก, Sanctuary Spa & Salon ห้องซาวน่า ห้องฟิตเนสขนาดใหญ่กว่า 275 ตร.ม., ห้องดนตรี Writers’ Music Room, Co-Working & Library, ห้องโยคะ, Tea Garden Lounge, สนามเด็กเล่น Adventure Playground, สนามบาสเกตบอล, Twilight Sky Deck ฯลฯ
นอกจากนั้นบนชั้น 36 ถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่ของ 125 Clubhouse ที่มาพร้อม Habita Dining House & Private Pool, ห้องคาราโอเกะและโรงภาพยนตร์ส่วนตัว, กรีนพัตต์กอล์ฟ, ลานบาร์บีคิว, สวนกลางแจ้งแบบพาโนรามา และจุดชมวิวเมืองแบบพาโนรามา
และเพื่อยกระดับการใช้ชีวิตให้ผู้อยู่อาศัยสัมผัสความสุขเหนือระดับในทุกช่วงเวลาสำคัญของชีวิต บริเวณพื้นที่ส่วนกลางมีการออกแบบให้สามารถรองรับการใช้งานในทุกโอกาส ตั้งแต่งานปาร์ตี้ส่วนตัว ประชุมธุรกิจ ไปจนถึงงานสังสรรค์แบบเรียบง่าย และกิจกรรมปิกนิกในครอบครัว
เชื่อมั่นว่าจุดเด่นของโลเคชันที่จะดึงดูดและตอบโจทย์ทั้งการอยู่อาศัยและการลงทุนในระยะยาว การร่วมทุนของบริษัทชั้นนำระดับโลกที่นำศักยภาพของตนมาร่วมกันพัฒนา การรังสรรค์ผลงานชิ้นเอกระดับแฟลกชิปของบริษัทผู้ออกแบบและสถาปนิกชั้นนำระดับโลก ไปจนถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่ยกระดับการใช้ชีวิต จะทำให้ ‘125 SATHORN’ คอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่จะสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่บนสาทรได้อย่างแน่นอน
โครงการ ‘125 SATHORN’ มีทั้งหมด 755 ยูนิต แบ่งเป็น ห้องชุดแบบ 1-4 ห้องนอน (28.55-178 ตร.ม.), ดูเพล็กซ์เพนท์เฮาส์ (163.60-330.60 ตร.ม.) และเพนท์เฮาส์ (260.75-282.85 ตร.ม.) ราคาเริ่มต้น 6.5 ล้านบาท* เริ่มก่อสร้างช่วงครึ่งปี 2565 คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปี 2569
