ไม่บ่อยนักที่จะเห็นองค์กรขนาดใหญ่ระดับต้นๆ ของประเทศจัดเวที ‘CEO TALK’ และเปิดโอกาสให้พนักงานทุกคนในองค์กร และยังเปิดกว้างให้ผู้ที่สนใจภายนอกสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้
นับเป็นครั้งแรกสำหรับการโคจรมาพบกัน พร้อมทั้งนำแนวคิดและประสบการณ์ที่ผ่านการบ่มเพาะในสายงานที่ต่างกันมาแบ่งปันในครั้งนี้ จะก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมต่อสังคมในวงกว้างอย่างแน่นอน ด้วยวิสัยทัศน์ของ คุณวิชัย กุลสมภพ ซึ่งเปรียบเสมือนแม่ทัพที่ขับเคลื่อนองค์กรระดับตำนานของไทย และในฐานะนายกสมาคมนิสิตเก่าฯ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง หรือ SPI ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับคณะสังคมและประเทศมาโดยตลอด และ คุณเรืองโรจน์ พูนผล หัวหอกคนสำคัญแห่งโลกอนาคตและเทคโนโลยีที่เปี่ยมไปด้วยวิสัยทัศน์ของผู้นำแห่งโลกยุคใหม่
สำหรับบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPI การเปิดโอกาสให้พนักงานสามารถพูดคุยและแสดงความคิดเห็นกับผู้บริหารระดับสูง อาจไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ขององค์กรที่มองทุกคนเป็น ‘ครอบครัวเดียวกัน’
ก็เหมือนที่ คุณวิชัย กุลสมภพ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SPI เล่าว่า เขาจัดกิจกรรม ‘วิชัย ชวนคุย’ ทุกวันศุกร์ต้นเดือน เพื่อพูดคุยแนวทางการทำงานกับพนักงานในองค์กร รวมถึงกิจกรรม ‘วิชัย ชวนกิน’ รับประทานอาหารร่วมกัน เพื่อสานสัมพันธ์และสร้างความใกล้ชิดกับพนักงาน
แต่นี่คือครั้งแรกที่ SPI ชวนครอบครัวเครือสหพัฒน์และคนภายนอกกว่า 400 ชีวิตมาร่วมฟังเรื่องราวชีวิตของเขาแบบใกล้ชิด เจาะลึก CEO Insight ที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน รับฟังแนวคิดการเป็นผู้นำ ไปจนถึงวิธีสร้างความเชื่อมั่นและค้นหาพลังพิเศษของตัวเองกับกิจกรรม ‘SPI CEO VIZ TALK’ ในหัวข้อ ‘Awaken Your Magic ค้นหาความพิเศษในตัวคุณ’ ซึ่งจัดขึ้นที่ The Great Hall โรงเรียนนานาชาติคิงส์คอลเลจกรุงเทพ
และเป็นครั้งแรกเช่นกันที่ คุณเรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท KBTG มาแชร์ประสบการณ์การทำงาน วิสัยทัศน์ และปลุกพลังความพิเศษ ให้กับพี่น้องพนักงานเครือสหพัฒน์
และนี่คือบทสรุป 10 เคล็ดวิชาสร้างภาวะผู้นำในตัวคุณ ที่กลั่นจากประสบการณ์และแนวคิดของผู้นำองค์กรที่ใครก็นำไปปรับใช้ได้
5 เคล็ดวิชาสร้างภาวะผู้นำที่ลงมือทำจริงของ วิชัย กุลสมภพ
1. ‘สานต่อ ทอฝัน สร้างสรรค์ ปั้นดาว’ หลักคิดการทำงานให้ประสบความสำเร็จ
คุณวิชัยเล่าว่า วันแรกที่เข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดขององค์กรแห่งหนึ่งในเครือสหพัฒน์ มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งถามว่า เขาจะดูแล 30 บริษัทได้อย่างไร?
“ผมทำอยู่ 4 อย่างตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ‘สานต่อ’ ก็คือสานต่องานที่ผู้ใหญ่เคยทำมา ‘ทอฝัน’ หมายถึงการทำฝันของผู้ก่อตั้งให้สำเร็จ แต่จะทำให้สำเร็จได้จะต้องไม่หยุด ‘สร้างสรรค์’ สิ่งใหม่ๆ สุดท้ายคือ ‘ปั้นดาว’ ผมไม่สามารถดูแลบริษัทในเครือได้ด้วยตัวคนเดียว และจะทำแต่ธุรกิจเดิมๆ ในโลกยุคใหม่ไม่ได้ จะต้องปั้นธุรกิจใหม่ขึ้นมาให้เป็นดาว และปั้นพนักงานที่มีศักยภาพให้เป็นดาว”
2. ‘ทำงาน ทำบุญ ทำใจ’ คำพ่อสอนที่ใช้สอนและเตือนตัวเอง
หนึ่งในคำสอนของพ่อที่เขาจำและนำมาปรับใช้ตลอดทั้งการทำงานหรือการใช้ชีวิตมีแค่ 3 คำที่พ่อสอนคือ ‘ทำงาน ทำบุญ และทำใจ’ ทั้ง 3 คำมีความหมายในตัว โดยเฉพาะคำว่า ‘ทำใจ’ การทำใจในนิยามของผมคือ ยามปกติทำใจให้กว้าง ยามสงบทำใจให้นิ่ง ยามสุขทำใจให้ใสกระจ่าง ยามทุกข์ทำใจให้เบา ยามเศร้าทำใจไม่ให้ขุ่นมัว ยามผิดหวังทำใจให้เป็นกลาง ยามวิกฤตทำใจให้เข้มแข็ง และในทุกยามพยายามทำใจให้บริสุทธิ์อยู่เสมอ ถ้าคุณทำใจได้ตามนี้คุณจะทำงานอะไรก็ได้
3. วิกฤตคือเวทีพิสูจน์ความเป็นผู้นำ
คุณวิชัยบอกว่า ความเป็นผู้นำไม่มีใครได้มาโดยบังเอิญ คุณต้องเตรียมตัวให้พร้อม ไม่มีใครบอกคุณล่วงหน้าว่าคุณจะต้องทำหน้าที่นั้นหรือต้องรับมือกับอะไร แต่เมื่อไรที่ถูกเลือกคุณต้องพร้อม และต้องทำให้ทีมงานเชื่อว่าคุณทำได้ เพราะวิกฤตคือเวทีพิสูจน์ความเป็นผู้นำ
4. ผู้นำต้อง ‘โง่ให้เป็น’
“เมื่อคุณก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำแล้ว จะต้องสร้างผลงานให้เป็นที่ยอมรับด้วย สำคัญที่สุดคือ คุณต้องเป็นผู้นำที่ ‘โง่ให้เป็น’ และต้องเรียนรู้อย่างรวดเร็วและกล้าเดินหน้าต่อ เมื่อมีความสำเร็จมาเป็นทุนเดิมแล้ว การเป็นผู้นำที่ดีอาจต้อง ‘โง่ให้เป็น’ เพราะถ้าคุณโง่ไม่เป็น ทำเรื่องใหญ่ไม่ได้ บางครั้งความไม่รู้ของเราอาจผลักดันให้ทีมงานร่วมสร้างสรรค์สิ่งที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตก็เป็นได้” คุณวิชัยกล่าว
5. ความกล้าหาญที่เกิดจากการค้นพบความพิเศษ
“ตัวผมเองรู้สึกพิเศษมากเวลาอยู่กับแม่ ผมอยากให้ทุกคนลองย้อนคิดว่าคุณพิเศษเวลาอยู่กับใคร คนที่มีความหมายกับคุณคือใคร พอคิดได้แล้วเชื่อเถอะว่าคุณจะค้นพบความกล้าหาญ เพราะมันจะมาพร้อมกับการที่คุณค้นพบความพิเศษในตัวคุณ” คุณวิชัยกล่าว
5 เคล็ดวิชาสร้างภาวะผู้นำที่สู้ไม่ถอยแบบ เรืองโรจน์ พูนผล
1. จงโอบกอดวิกฤตราวกับเป็นคู่ชีวิตของคุณ
“เมื่อไรที่ชีวิตคุณเจอวิกฤต จงโอบกอดวิกฤตราวกับเป็นคู่ชีวิตของคุณ” คุณเรืองโรจน์บอกว่า ตอนนี้เราอยู่ในยุคที่เรียกว่า Turbulent Times หรือยุคที่ทุกอย่างปั่นป่วน โลกเต็มไปด้วยวิกฤต ไม่มีใครหนีวิกฤตพ้น จงจำไว้เสมอว่า ทุกครั้งที่มีวิกฤต มันมีโอกาสที่ยิ่งใหญ่กว่าเสมอ
เขายกตัวอย่างตอนที่เข้ามาทำงานที่ KBTG เป็นช่วงที่แอปพลิเคชัน K PLUS อยู่ในช่วงพัฒนาระบบและเคยเกิดเหตุการณ์แอปล่มเป็นวัน นั่นคือเหตุการณ์ก่อนที่เขาจะเข้ามา
“นักข่าวถามผมว่า K PLUS จะล่มอีกหรือไม่ ผมตอบอย่างมั่นใจว่าไม่ล่มแน่นอน แต่หลังจากนั้นไม่ถึงชั่วโมงระบบล่มทันที วิกฤตครั้งนั้นกะเทาะอีโก้ผมหมดสิ้น แต่ผมใช้โอกาสนั้นพลิกเกม KBTG ทั้งหมด จนถึงวันนี้ K PLUS เป็นแอปที่มีเสถียรภาพมากที่สุดในประเทศไทย ผมกล้าบอกเลยว่า ถ้าไม่เกิดวิกฤตวันนั้น ผมไม่มีทางมาถึงจุดนี้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาทุกครั้งที่เกิดวิกฤต ผมถามตัวเองเสมอว่าจะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่กว่าอย่างไร
“เมื่อเจอวิกฤต ศึกแรกที่ต้องเอาชนะคือ ‘ชนะใจตัวเอง’ ศึกที่ 2 คือ ‘สร้างวินัย’ ถ้าคุณไม่มีวินัย วิชั่นจะเป็นแค่ภาพลวงตา”
2. เป็นผู้นำในโลกยุค Turbulent Times ต้อง Humanity และ Empathy
ถ้าอยากรอดและชนะในโลกยุค Turbulent Times เรืองโรจน์บอกว่า คุณต้องเป็นผู้นำที่มี Humanity และ Empathy “จงถ่อมตัวอยู่เสมอ อย่าทะนงตัวและต้องทำให้เป็นน้ำครึ่งแก้ว จงเรียนรู้และยอมรับว่าเราไม่รู้ หาคนเก่งมาเสริมทัพ และเรียนรู้จากเขา ที่สำคัญต้องเป็นผู้นำที่มีความเห็นอกเห็นใจและใส่ใจเพื่อนมนุษย์”
3. ผู้นำต้องทำให้ลูกน้องเก่งกว่าตัวเอง
“เจ้านายที่ดีสำหรับผมไม่ใช่เจ้านายที่สปอยล์ แต่ต้องทำให้เราเป็น Better Version ของตัวเอง ผู้นำคือโค้ช คือคนที่สอนลูกน้องให้ดีขึ้นให้ได้ และต้องทำให้ลูกน้องชนะคุณและไปไกลกว่าคุณ ผู้นำที่ดีต้องสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิตผู้คนและต้องอยู่ในใจของทุกๆ คนให้ได้ เพราะผู้นำคือวัฒนธรรมขององค์กร ในโลกองค์กรยุคใหม่คำว่าผู้นำไม่ดูกันที่ชื่อตำแหน่งแล้ว ใครก็เป็นผู้นำได้ เพราะผู้นำคือสภาวะ คือสิ่งที่ทุกคนต้องมี” เรืองโรจน์กล่าว
4. อยากไปให้ถึง Growth Zone ต้องเดินออกจาก Comfort Zone
หลายคนอยากเปลี่ยนแปลงชีวิต แต่ทำชีวิตเหมือนเดิม คุณเรืองโรจน์บอกว่า “ถ้ายังทำเท่าเดิม คุณก็อยู่แต่ใน Comfort Zone เมื่อไรที่คุณออกจากโซนนี้ จะเข้าสู่ Fear Zone คุณจะกลับไปจุดเดิมก็ได้นะ แต่คุณจะไม่พัฒนา และโลกยุคนี้ถ้าคุณไม่พัฒนา เท่ากับว่าคุณถอยหลังไปแล้ว วิธีที่คุณจะออกจาก Fear Zone ได้ ต้องกระโดดเข้าไปใน Learning Zone เข้าไปเรียนรู้และลงมือทำสิ่งใหม่ๆ วันที่คุณออกจากโซนนี้ ประตูของ Growth Zone จะเปิดต้อนรับคุณ”
5. ความกล้าหาญเล็กๆ คือจุดเริ่มต้นของพลังที่ยิ่งใหญ่
“จงนึกถึงความกล้าหาญเล็กๆ ที่คุณเคยทำมาในอดีต และคุณเอาชนะความกลัวของคุณได้ เมื่อนั้นแหละคุณจะมีพลังที่ยิ่งใหญ่และหาแหล่งพลังงานใกล้ตัวของคุณให้เจอ”
ถึง 10 เคล็ดวิชาข้างต้นจะดูเหมือนเป็นแนวทางสำหรับผู้นำ แต่จริงๆ แล้วไม่ว่าใครก็สามารถนำบทเรียนเหล่านี้ไปปรับใช้กับชีวิตได้เช่นกัน ก็เหมือนที่คุณวิชัยบอก “ความเป็นผู้นำไม่มีใครได้มาโดยบังเอิญ คุณต้องเตรียมตัวให้พร้อม” และในวันที่วิกฤตหรือบททดสอบมาอยู่ตรงหน้า ภาวะผู้นำในตัวคุณจะสะท้อนออกมาเอง