10 ประเด็นใหญ่ที่นักลงทุนต้องจับตาในปี 2026 [ADVERTORIAL]

ปี 2026 เป็นปีการลงทุนที่กำลังจะมาพร้อมกับสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วย “โอกาสใหม่ท่ามกลางความผันผวนสูง” แม้เศรษฐกิจโลกโตช้าลงแต่ก็ยังไม่ถดถอย

THE STANDARD WEALTH พานักลงทุนทุกคนมาจับ 10 สัญญาณสำคัญที่ต้องจับตามองในปี 2026 เพื่อพิจารณาอย่างรอบด้านและเตรียมพร้อมรับมือในการลงทุนในปีที่จะถึง

1) เศรษฐกิจโลกโตช้าแต่ยังไม่เกิดภาวะถดถอย

ปี 2026 เศรษฐกิจโลกเติบโตปานกลาง 3% สะท้อน Soft Landing ไม่ใช่ถดถอย นักลงทุนควรเน้นบริษัทพื้นฐานแกร่ง กระแสเงินสดมั่นคง และพร้อมรับมือความผันผวน

2) ดอกเบี้ยขาลงและโอกาสสร้างรายได้ให้พอร์ต

Fed และธนาคารกลางทั่วโลกส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงิน นำตลาดเข้าสู่ช่วงดอกเบี้ยขาลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่งผลดีต่อสินทรัพย์เสี่ยงและตราสารหนี้คุณภาพดี กลยุทธ์การสร้างรายได้ประจำจึงกลับมาเป็นแกนหลักของพอร์ตอีกครั้ง

3) การเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ กับความเสี่ยงเชิงนโยบาย

การเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ ปี 2026 อาจเปลี่ยนนโยบายสำคัญด้านภาษี การคลัง อุตสาหกรรม และความมั่นคง การเปลี่ยนแปลงในสภาอาจทำให้ตลาดผันผวน โดยเฉพาะพลังงาน เทคโนโลยี และกลาโหม

4) เงินเฟ้อโลกชะลอตัว แต่สหรัฐฯ ยังเสี่ยงสูงกว่าเป้าระยะยาว

เงินเฟ้อหลายประเทศชะลอลง แต่เงินเฟ้อสหรัฐฯ อาจเพิ่มขึ้นในไตรมาส 1 ปี 2026 จากปัจจัยเฉพาะ (เช่น ภาษีนำเข้า จำกัดแรงงานต่างชาติ) ซึ่งอาจกระทบการลดดอกเบี้ยและทิศทางดอลลาร์

5) AI กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานใหม่ของเศรษฐกิจโลก

ในปี 2026 AI จะเป็น “โครงสร้างพื้นฐาน” ที่ขับเคลื่อนทุกอุตสาหกรรม (โลจิสติกส์ การผลิต การแพทย์ การเงิน) การเติบโตจะกระจายจาก Big Tech สู่ธุรกิจดั้งเดิมที่เร่งลงทุนเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ

6) ภูมิรัฐศาสตร์ยังเป็นแหล่งความเสี่ยงระดับโลก

ตลาดโลกต้องจับตาสถานการณ์พลังงาน ความมั่นคง สงครามการค้า และการแข่งขันเทคโนโลยีระหว่างประเทศมหาอำนาจอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะความไม่แน่นอนด้านพลังงานในยุโรป และการแข่งขัน AI-เซมิคอนดักเตอร์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน ซึ่งเน้นย้ำความสำคัญของการบริหารความเสี่ยงเชิงภูมิภาค

7) การย้ายซัพพลายเชนยังเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจเอเชีย

ยุทธศาสตร์ China+1 ดึงดูด FDI เข้าไทย เวียดนาม อินเดีย ในภาคการผลิต อิเล็กทรอนิกส์ EV และคลังสินค้า ส่งผลดีต่อธุรกิจนิคมฯ โลจิสติกส์ และผู้ส่งออกเอเชีย

8) ความเสี่ยงทางการคลังในประเทศใหญ่ยังเป็นตัวถ่วงตลาดการเงิน

หนี้สาธารณะสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และยุโรปที่สูงจำกัดการกระตุ้นเศรษฐกิจ และต้นทุนชำระหนี้เพิ่มอาจกดดันตลาดพันธบัตรและค่าเงิน นักลงทุนควรระวังความเสี่ยงทางการคลังเรื้อรังที่อาจสร้างความผันผวนตลอดปี

9) เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มอ่อนค่าเมื่อเข้าสู่รอบลดดอกเบี้ย

เมื่อ Fed ลดดอกเบี้ย ดอลลาร์อ่อนค่า หนุนสินทรัพย์และค่าเงินในตลาดเกิดใหม่และเอเชียแข็งค่า นักวิเคราะห์คาด Asia Equity อาจให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดพัฒนาแล้วในปี 2026

10) ภัยพิบัติและสภาพอากาศกลายเป็นความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ

ภาวะโลกร้อนส่งผลกระทบต่อราคาอาหาร พลังงาน การผลิต และซัพพลายเชนโลก เหตุการณ์รุนแรง เช่น น้ำท่วม ภัยแล้ง พายุ ทำให้สินค้าโภคภัณฑ์ผันผวนและต้นทุนพลังงานสูงขึ้น ความเสี่ยงเหล่านี้จึงต้องถูกรวมในการจัดพอร์ตลงทุนอย่างจริงจัง

คำแนะนำ UOB ถึงนักลงทุน

UOB ยังคงมองบวกต่อการลงทุนในปี 2026 โดยคาดว่าจะเป็นปีที่ดีสำหรับตลาดหุ้นและตราสารหนี้ แรงขับเคลื่อนหลักมาจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย การลดดอกเบี้ย มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ (OBBBA) การเติบโตของ AI และผลกำไรบริษัทจดทะเบียน หากตลาดผันผวน ถือเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุนเพิ่มเติม

สำหรับปี 2026 ยังคงแนะนำให้นักลงทุน “คงการลงทุน” และให้ความสำคัญกับการ “กระจายความเสี่ยง” ทั้งในแง่ของประเภทสินทรัพย์ ภูมิภาค และอุตสาหกรรม

กลุ่มสินทรัพย์และธีมการลงทุนที่น่าสนใจ ได้แก่ หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี หุ้นในกลุ่มการเงินของประเทศพัฒนาแล้ว หุ้นในภูมิภาคเอเชีย (ยกเว้นญี่ปุ่น) หุ้นประเทศจีน และทองคำ

สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมกับ UOB หรือติดต่อที่ปรึกษาทางการเงิน (Client Advisor) ของ UOB Privilege Banking โทร. 0 2081 0999 หรือคลิก www.uob.co.th/privilegebanking

คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน