จากกรณีปัญหาด้านสภาพคล่องที่เกิดขึ้นในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาของ Zipmex ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล จนนำไปสู่การประกาศระงับถอนเงินจากระบบในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2565 ล่าสุด ผู้บริหารของ Zipmex ได้แถลงอัปเดตสถานการณ์และแนวทางการแก้ปัญหา
เอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง Zipmex Thailand เปิดเผยว่า ในขณะนี้การเจรจาเพื่อร่วมทุนกับนักลงทุนที่สนใจจะเข้าลงทุนใน Zipmex จำนวน 3 ราย แบ่งเป็นนักลงทุนในประเทศ 2 ราย และนักลงทุนต่างประเทศ 1 ราย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- Zipmex เผยดีลร่วมทุนใกล้จบแล้ว เตรียมเข้าพบ ก.ล.ต. และหน่วยงานรัฐของประเทศที่เปิดให้บริการเพื่อนำเสนอแผนฟื้นฟูกิจการ
- ศาลสิงคโปร์ไฟเขียว Zipmex พักชำระหนี้ได้จนถึง 2 ธ.ค. 2022 พร้อมสั่งเร่งชี้แจงเจ้าหนี้และลูกค้าถึงแนวทางแก้ปัญหา
- Zipmex ลุ้นผู้ลงทุนรายใหญ่ใส่เงินเพิ่ม เผยเงื่อนไขสำคัญ ขอให้ซีอีโอ ‘มาคัส ลิม’ ลาออกจากตำแหน่ง
ในส่วนของนักลงทุนในประเทศ ล่าสุดได้ผ่านกระบวนการสอบทานธุรกิจ (Due Diligence) เป็นที่เรียบร้อย และเข้าสู่การเจรจาในขั้นตอนสุดท้าย ก่อนจะนำเสนอสัญญาซื้อขายหุ้นต่อคณะกรรมการของบริษัท หากสามารถบรรลุข้อตกลงได้ คาดว่ากระบวนการทั้งหมดจะเสร็จสิ้นอย่างเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายนนี้
ขณะที่ความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศ ล่าสุดได้มีการทำบันทึกข้อตกลงในเบื้องต้นแล้ว ทั้งนี้ บริษัทได้ว่าจ้างบริษัท KordaMentha ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อเป็นที่ปรึกษาการเงินในการปรับโครงสร้างธุรกิจในครั้งนี้
นอกจากนี้ ในวันพุธที่ 14 กันยายน 2565 บริษัทจะมีการจัดประชุม Town Hall ผ่านระบบออนไลน์ตามคำสั่งของศาลสิงคโปร์ เพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้ลงทุนและผู้ที่ใช้บริการ Z Wallet โดยจะแบ่งเป็น 2 รอบคือ รอบเช้าเวลา 9.00 น. ตามเวลาประเทศไทย จะให้ข้อมูลด้วยภาษาอังกฤษ ส่วนรอบบ่ายเวลา 13.00 น. ตามเวลาประเทศไทย จะให้ข้อมูลด้วยภาษาไทย
ทั้งนี้ ลูกค้าที่ใช้บริการ Z Wallet จะได้รับคำเชิญและคำแนะนำในการเข้าฟังการประชุมผ่านทางอีเมลในเร็วๆ นี้
นอกจากนี้ ผู้บริหาร Zipmex ยังได้ชี้แจงเกี่ยวกับกระแสข่าวที่ว่า มีครอบครัวของผู้บริหาร รวมทั้งบุคคลอื่น อาทิเช่น วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษาหรือเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท ซึ่งกระแสข่าวที่ว่านี้ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
“ผมเชื่อมั่นว่าแบรนด์ Zipmex ธุรกิจ กิจการ และทีมงาน ยังคงแข็งแรง อยู่ในสถานการณ์ที่จะฝ่าฟันสถานการณ์และเติบโตต่อไปได้ สิ่งที่เราเรียนรู้จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เราตระหนักดีว่าไม่มีเทคโนโลยีหรืออัลกอริทึมใดทดแทนกฎเกณฑ์หรือกฎระเบียบที่สมเหตุสมผลได้ สิ่งที่เราเรียนรู้จากเหตุการณ์ครั้งนี้ช่วยให้เราวางระบบการตรวจสอบและประเมินความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ถือว่าเป็นบทเรียนที่หนักมากสำหรับบริษัทและตัวผมเอง”