เมื่อวานนี้ (19 กรกฎาคม) เจ้าหน้าที่ตำรวจซิมบับเวเผยว่าทางการจับกุมผู้ฝ่าฝืนมาตรการควบคุมและป้องกันโควิด-19 แล้วกว่า 1.05 แสนราย นับตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่กระทำผิดเนื่องจากออกจากที่พักอาศัยโดยไม่มีเหตุจำเป็น และไม่สวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ในพื้นที่สาธารณะ
ล่าสุดหนึ่งในประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อสูงที่สุดในโลกอย่างซิมบับเวมีผู้ติดเชื้อสะสมแล้ว 1,611 ราย รักษาหายยังไม่ถึง 1 ใน 3 ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด มีผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดนี้แล้ว 25 ราย ทางการตรวจหาเชื้อแล้วราว 1 แสนตัวอย่าง หลังการแพร่ระบาดกำลังก้าวเข้าสู่เดือนที่ 7
ทางการซิมบับเวกำหนดให้พลเมืองที่ต้องการเดินทางกลับเข้าประเทศจะต้องกักตัว 3 สัปดาห์ในที่พักอาศัยที่รัฐจัดหาไว้ให้ โดยมีผู้หลบหนีจากศูนย์กักกันดังกล่าวแล้ว 276 ราย บางรายมีผลตรวจติดเชื้อโควิด-19 มาตรการต่างๆ ที่ทางการใช้รับมือกับโรคระบาดส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก คาดเศรษฐกิจจะหดตัว 4.5% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อแบบปีต่อปีในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาพุ่งไปอยู่ที่ 785%
ด้านฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอ้างว่ามาตรการดังกล่าวเป็นเพียงมาตรการที่รัฐบาลของประธานาธิบดีเอ็มเมอร์สัน มนังกักวา ที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศ ภายหลังจากที่ประธานาธิบดีโรเบิร์ต มูกาเบ ผู้นำเผด็จการวัย 93 ปีที่ครองตำแหน่งประธานาธิบดีมายาวนานกว่า 3 ทศวรรษของซิมบับเวตัดสินใจลาออกและเสียชีวิตลง ใช้กำจัดศัตรูทางการเมืองและกลุ่มผู้เห็นต่างเท่านั้น คาดจะมีการชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่เรียกร้องให้ประธานาธิบดีมนังกักวาก้าวลงจากอำนาจในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้
ภาพ: Philimon Bulawayo / Reuters
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: