×

เปิดใจ ยูตะ ซาโตะ เมกอัพอาร์ทิสต์ชื่อดังชาวญี่ปุ่น ผู้มีความเชื่อว่าในโลกความงาม อะไรก็เป็นไปได้

16.01.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins read
  • พูดคุยกับ ยูตะ ซาโตะ เมกอัพอาร์ทิสต์ชื่อดังของญี่ปุ่นผู้เกิดและเติบโตในโตเกียว วัยเด็กเริ่มต้นจากการเรียนวาดภาพ และตัดสินใจไปเรียนด้านการแต่งหน้าจริงจังจนเข้าสู่วงการช่างแต่งหน้าตอนอายุ 17
  • การเป็นช่างแต่งหน้า นอกจากจะทำให้ภายนอกสวยแล้ว มันยังหมายถึงการคุย ทำความรู้จักคนคนนั้น แล้วดึงเอาส่วนที่อยู่ข้างในออกมาผ่านการแต่งหน้า เพื่อเผยให้เห็นความงามที่ซ่อนอยู่
  • เผย 3 ไอเท็มโปรดของยูตะ รวมถึงเคล็ดลับสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในการแต่งหน้า

THE STANDARD มีโอกาสได้พูดคุยแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับ ยูตะ ซาโตะ (Yuta Sato) เมกอัพอาร์ทิสต์ชื่อดังของญี่ปุ่น ในโอกาสที่เขาบินตรงจากกรุงโตเกียวเพื่อร่วมเปิดตัวเครื่องสำอางคอลเล็กชันใหม่ 2018 Spring/Summer Makeup Collection ของแบรนด์ THREE จากการพูดคุยครั้งนี้ นอกจากจะได้รู้จักเขามากขึ้นแล้วยังได้คำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับเทคนิคการแต่งหน้าจากยูตะ ผู้มีความเชื่อว่าในโลกความงาม อะไรก็เป็นไปได้  

 

 

เติบโตในครอบครัวศิลปิน

ผมเกิดที่โตเกียว และเติบโตมาในครอบครัวที่มีคุณปู่เป็นจิตรกร ส่วนตัวผมเองก็เรียนวาดภาพมาตั้งแต่เด็ก รวมถึงคนในครอบครัวของผมก็มีอาชีพเป็นช่างแต่งหน้าด้วย นั่นคือคุณแม่ พี่ชาย และพี่สะใภ้ ที่ต่างก็เป็นช่างแต่งหน้ากันทั้งบ้าน ผมก็เลยได้ซึมซับมาจากครอบครัวตั้งแต่เด็ก

 

 

ก้าวแรกสู่วงการความงามในญี่ปุ่น

ผมไม่ได้เริ่มจากการเป็นช่างแต่งหน้าตั้งแต่แรก เพราะตอนเด็กๆ ผมสนใจด้านการวาดภาพมาก่อน เพราะเรียนมาโดยตรง แต่พอโตขึ้นก็เริ่มมีผลงานด้านการวาดภาพประกอบอยู่บ้าง ระหว่างนั้นก็มีโอกาสได้เข้าไปเป็นผู้ช่วยช่างแต่งหน้าหลักในแฟชั่นโชว์ของญี่ปุ่น หรือตามกองถ่ายนิตยสารต่างๆ พอได้เข้าไปเป็นผู้ช่วยช่างแต่งหน้าหลายๆ ครั้งเข้าก็เริ่มรู้สึกว่าจะต้องเรียนแต่งหน้าจริงจัง เลยตัดสินใจไปเรียนที่โรงเรียนสอนแต่งหน้าแห่งหนึ่งจนจบ และด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาจากการเป็นผู้ช่วยช่างแต่งหน้ามาก่อน ในที่สุดก็ได้ก้าวเข้าสู่การเป็นช่างแต่งหน้าเต็มตัวตอนอายุประมาณ 17-18 ปี

 

 

การแข่งขันของช่างแต่งหน้าในญี่ปุ่นเป็นอย่างไร

ผมรู้สึกว่าที่ประเทศญี่ปุ่นในปัจจุบัน คนที่มีอาชีพเป็นช่างแต่งหน้ามีค่อนข้างน้อย เรียกว่าก็รู้จักกันทั้งวงการแล้ว อาจจะเป็นเพราะว่าการเป็นช่างแต่งหน้าอาชีพต้องใช้ความรู้และใช้เทคนิคเยอะมาก สุดท้ายแล้ววงการนี้ก็จะค่อยๆ คัดคนที่ไม่ใช่ออกไปเอง สังคมของช่างแต่งหน้าจึงค่อนข้างแคบ ส่วนใหญ่ก็รู้จักกันหมด แม้แต่พี่ชายของผมยังเป็นช่างแต่งหน้าในวงการเดียวกันเลย

 

 

เสน่ห์ของการแต่งหน้าคืออะไร

ผมคิดว่าส่วนที่ผมชอบที่สุดในการทำอาชีพนี้คือได้พบปะกับผู้คนที่หลากหลาย คือหลายคนอาจจะคิดว่าการแต่งหน้าเป็นเหมือนการ express ทำให้คนสวยขึ้น แต่สำหรับผมมันไม่ใช่แค่นั้น เสน่ห์ของการแต่งหน้าคือการดึงเอาตัวตนที่ซ่อนอยู่ข้างในของคนคนหนึ่งออกมาด้วย นอกจากช่างแต่งหน้าจะทำให้ภายนอกสวยแล้ว มันยังหมายถึงการคุย ทำความรู้จักคนคนนั้น แล้วดึงเอาส่วนที่อยู่ข้างในออกมาผ่านการแต่งหน้า เผยให้เห็นความงามที่ซ่อนอยู่ ทำให้พวกเขารู้สึกดีกับตัวเองและมั่นใจมากขึ้น

 

 

คำแนะนำที่คุณมักจะมอบให้กับคนทั่วไปอยู่เสมอคืออะไร

นอกจากจะแต่งหน้าให้สวยงามแล้ว อย่าลืมมองเรื่องของภาพรวม ยกตัวอย่างเช่น เวลาก้าวเดินก็ต้องเดินไปทั้งตัว ทุกอย่างต้องก้าวไปพร้อมกัน ใบหน้าคนเราก็เหมือนกัน มันไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยตัวมันเอง ดังนั้นเวลาแต่งหน้าให้คิดถึงบาลานซ์โดยรวมนะครับว่ามันแมตช์กับทรงผมของคุณหรือเปล่า มันแมตช์กับเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าที่คุณเลือกสวมใส่ในวันนั้นหรือเปล่า ในแต่ละวัน ในแต่ละโอกาสของการแต่งหน้า ผมอยากให้ทุกคนคำนึงถึงเรื่องนี้ให้มาก เพราะมันสำคัญ ต้องเลือกให้เหมาะสม และดูลุคโดยรวมให้มันบาลานซ์กัน

 

 

เครื่องสำอางชิ้นไหนที่ผู้หญิงควรมีติดกระเป๋า

ผมคิดว่าน่าจะเป็นแป้งฝุ่นนะ จะเป็นยี่ห้ออะไรก็ได้ที่คุณชอบ ควรมีไว้สำหรับเติมระหว่างวัน จากประสบการณ์ที่ผมเดินทางไปๆ มาๆ ระหว่างประเทศญี่ปุ่นกับประเทศไทยน่าจะติดต่อกันเกือบ 10 ปีได้ มีอย่างหนึ่งที่ผมสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงก็คือ ด้วยความที่ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน เมื่อก่อนก็เลยเห็นคนไทยชอบแต่งหน้าผิวแมตต์กันเยอะมาก ซึ่งลุคโดยรวมของผิวมันดูด้านไปหมดเลย แต่ปัจจุบันผมเริ่มเห็นคนไทยแต่งผิวโกลวสวยขึ้น เป็นลุคที่ไม่หนัก ไม่เน้นผิวแมตต์เหมือนแต่ก่อน ซึ่งเป็นเรื่องดี เพราะผิวมันดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งมันดีมาก เพราะสำหรับผมแล้ว การแต่งหน้าควรจะใช้ความสวยงามของผิวให้เป็นประโยชน์มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ปกปิดเท่าที่จำเป็น ผมยังยืนยันว่าการแต่งหน้าที่ไม่พยายามมากเกินไปเป็นการแต่งหน้าที่ดี ไม่ต้องปิดบังความสวยที่มีอยู่ตามธรรมชาติของตัวเอง และควรดึงความสวยนั้นออกมาด้วยเบสเมกอัพเบาๆ จะดีกว่าวิธีเน้นการปกปิดจนไม่เห็นผิวจริงเลย

 

 

เทรนด์ปี 2018 จะเป็นไปในทิศทางใด

ผมขอแบ่งเทรนด์ออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน ส่วนแรกในเชิงแฟชั่น ผมเริ่มเห็นเทรนด์แฟชั่นมาแรงในโทนสีดำเป็นส่วนใหญ่ อย่างการสวมใส่แจ็กเก็ตสีดำจะพบเห็นได้บ่อยขึ้น แม้แต่นางแบบในคอลเล็กชันใหม่ของแบรนด์ THREE ก็สวมใส่ชุดในโทนสีดำ และอีกด้านหนึ่งของแฟชั่นก็มีความอ่อนหวานสไตล์เฟมินีนที่ยังคงความแอ็กทีฟอยู่ด้วย ซึ่งเป็นสองเทรนด์ที่ฮอตมากสำหรับวงการแฟชั่นในซีซันนี้ ส่วนที่สองในด้านของเทรนด์ความงาม ในเรื่องการแต่งหน้าทั่วไป ผมคิดว่าเทรนด์ที่แต่งแบบไม่ต้องพยายามมากและดูไม่เยอะเกินไป หรือการโชว์ความเปล่งประกายของผิวบนใบหน้าก็เป็นอะไรที่มาแรง และจุดโฟกัสสำคัญคือถ้าไม่เน้นแต่งตาให้โดดเด่นไปเลยก็เน้นพอยต์ไปที่ริมฝีปากแทน ส่วนแก้มให้แต่งเพียงเบาบางเท่านั้น

 

 

เทรนด์ฮิตของสาวญี่ปุ่นตอนนี้คืออะไร

ถ้าเป็นเทรนด์ที่ฮิตกับเฉพาะคนญี่ปุ่นก็คือเทรนด์ลิปสติกสีสดๆ ที่เป็นแบบนั้นเพราะว่าผู้หญิงชาวญี่ปุ่นมักจะมีปากสีซีดเป็นส่วนใหญ่ และริมฝีปากก็บางด้วย เขาเลยเน้นแต่งริมฝีปากให้ดูอวบอิ่มผสมผสานกับสีสันที่สดใส ส่วนแก้มจะแต่งเบาบางด้วยโทนสีอ่อน และอีกเทรนด์ของสาวญี่ปุ่นที่เห็นชัดก็คือการทาอายแชโดว์บริเวณถุงใต้ตาล่างกันเยอะมาก (เวลายิ้มแล้วส่วนนี้จะนูนออกมา) มันจะทำให้ตาดูชุ่มชื้น ดูหวานขึ้น ก่อนหน้านี้หลายคนอาจเคยเห็นเทรนด์หนึ่งที่ฮิตมาก คือสาวญี่ปุ่นจะแต่งหน้าแดงๆ มีการทาสีชมพูหรือสีแดงบริเวณใบหน้าและใต้ตาจนเป็นจุดเด่น เป็นเพราะมีความเชื่อว่าการแต่งหน้าแบบนี้จะช่วยดึงเสน่ห์ของความเป็นผู้หญิงออกมามากขึ้น ซึ่งตอนนี้มันเปลี่ยนจากเทรนด์แต่งโทนสีแดงๆ มาเป็นการทาอายแชโดว์ที่ถุงใต้ตาแทนแล้ว

 

ยูตะ ซาโตะ แนะนำสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในการแต่งหน้ากับเราเอาไว้ดังนี้

ควรทำ

  1. เลือกใช้ครีมบำรุงที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง
  2. ไม่ว่าคุณจะแต่งหน้าหรือไม่ ก่อนนอนควรจะดูแลผิวให้สะอาดอยู่เสมอ
  3. เลือกรองพื้นเฉดสีที่ตรงกับสีผิวของตัวเอง
  4. พยายามวิเคราะห์ใบหน้าของตัวเองว่าอะไรคือจุดเด่น จุดด้อย เวลาแต่งหน้าจะได้เลือกเน้นจุดเด่นและอำพรางจุดด้อยด้วยเครื่องสำอางอย่างชาญฉลาด
  5. รู้จักรักตัวเอง

 

ไม่ควรทำ

  1. เลิกเกลียดตัวเองสักที ความรู้สึกไม่ดีจากข้างในมีผลต่อภายนอกได้  
  2. แต่งหน้าเยอะไปก็ไม่ดี อะไรที่เยอะเกินไปไม่ดีทั้งนั้น
  3. อย่าสัมผัสใบหน้าตัวเองแรงๆ
  4. ในการแต่งหน้า ไม่ควรใช้แค่รองพื้นเพียงอย่างเดียว แต่ควรลงไพรเมอร์ หรือมีตัวอื่นๆ มารวมเป็นเซตการแต่งหน้าที่ถูกต้อง เช่น ลงไพรเมอร์ ตามด้วยรองพื้น หากมีริ้วรอยต้องปกปิดก็ต้องลงคอนซีลเลอร์ด้วย และลงแป้งในขั้นตอนสุดท้าย

 

ไอเท็มโปรดของยูตะ ซาโตะ

 

THREE Shimmery Glow Duo เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถดึงความมีชีวิตชีวาของผิวออกมาได้ดี ดูเป็นธรรมชาติมาก

 

 

THREE Balancing Cleansing Oil ใช้ทำความสะอาดผิวหน้าได้หมดจด ต่อให้เป็นผู้ชายที่ไม่ได้แต่งหน้า บางทีชีวิตประจำวันก็มีกิจกรรมต้องทำหลายอย่าง ต้องการการล้างหน้าให้สะอาดหมดจด คลีนซิ่งออยล์ขวดนี้ตอบโจทย์ได้ดี

 

 

THREE Lyrical Lip Bloom คอลเล็กชันใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวในประเทศไทย เวลาผมใช้ทำงานแล้วชอบมาก เพราะเนื้อ Raw Matte แบบนี้ ผมรู้สึกว่าแบรนด์อื่นไม่มี มันเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ถูกใจ

 

คติประจำใจยูตะ ซาโตะ
       1. อย่าเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ต้องรู้จักเปิดใจคุยกับคนอื่นเพื่อหาจุดที่ดีที่สุดร่วมกันให้ได้

       2.ให้คิดว่าทุกอย่างมันเป็นไปได้ อย่างตัวผมเอง ผมจะไม่สร้างกำแพงกับอะไรเลย เราควรจะรู้สึกว่าอะไรก็เป็นไปได้ แล้วจงสนุกกับมัน

FYI
  • ยูตะ ซาโตะ ดำรงตำแหน่ง Official International Makeup Artist ของแบรนด์ THREE เขาเกิดและเติบโตในโตเกียว มีประสบการณ์ในด้านการแต่งหน้าเป็นเวลาเกือบ 10 ปี เขาได้ร่วมงานกับนิตยสารชื่อดังหลายฉบับ เช่น นิตยสารแฟชั่น SPUR, นิตยสารเมกอัพ MAQUIA, นิตยสาร NYLON ญี่ปุ่น
  • เขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังงานแฟชั่นโชว์และจิวเวลรีโชว์มากมาย เช่น Anna Molinari, H.P. France Bijoux, Auction Tour for Chanel และ Tokyo Girls Collection
  • ยูตะ ซาโตะ ร่วมงานกับแบรนด์ THREE ในปี 2010 และเป็น Official Makeup Artist ของแบรนด์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X