ตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่เพิ่งเปิดเผยออกมาในสัปดาห์นี้ได้สร้างความผิดหวังให้ตลาด ส่งให้เงินหยวนอ่อนค่าหนักแตะระดับจิตวิทยาที่ 7 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยเมื่อเทียบกับเงินบาท หยวนอ่อนค่าแตะระดับ 4.875 บาทต่อหยวน อ่อนค่าสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์
วันนี้ (17 พฤษภาคม) เงินหยวนที่ซื้อขายในต่างประเทศ (Offshore Yuan) อ่อนค่าแตะระดับจิตวิทยาที่ 7 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม โดยเคลื่อนไหวอยู่ที่ราว 7.0076 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อเทียบกับเงินบาท หยวนอ่อนค่าแตะระดับ 4.875 บาทต่อหยวน นับเป็นระดับที่อ่อนค่าสุดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์
การอ่อนค่าวันนี้เกิดขึ้นหลังจากทางการจีนเปิดเผยตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และการลงทุนถาวร (Fixed Investment) ของจีนเติบโตในอัตราช้ากว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้หลายฝ่ายออกมาเรียกร้องมาตรการกระตุ้นเชิงนโยบายมากขึ้น เพื่อหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากข้อมูลที่อยู่อาศัยในเชิงบวกของสหรัฐฯ ได้ช่วยหนุนดอลลาร์สหรัฐให้แข็งค่าด้วย
Hao Zhou หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Guotai Junan Securities (Hong Kong) Ltd. ระบุว่า คาดว่าเงินหยวนจะอ่อนค่าลง เนื่องจากตัวเลขทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอและนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย
ธนาคารกลางจีนกำหนดอัตราอ้างอิงของเงินหยวนไว้ที่ 6.9748 ต่อดอลลาร์สหรัฐในวันนี้ ซึ่งสอดคล้องกับค่ากลางที่ประมาณการไว้ที่ 6.9743 ในการสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์และผู้ค้าของ Bloomberg
ทั้งนี้ ในรายงานนโยบายการเงินรายไตรมาส ซึ่งเปิดเผยออกมาในสัปดาห์นี้ ธนาคารกลางจีนเตรียมปล่อยให้ตลาดมีบทบาทมากขึ้นในอัตราแลกเปลี่ยน และทำให้เงินหยวนมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ขณะเดียวกันก็รักษาค่าเงินโดยพื้นฐานให้มีเสถียรภาพ
นักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าเงินหยวนจะแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยในช่วง 12 เดือนข้างหน้า แม้กระทั่งความคาดหวังถึงเศรษฐกิจจีนที่แข็งแกร่งจะลดลง จากการสำรวจความคิดเห็นผู้จัดการกองทุนในเอเชียของ Bank of America
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- มหาเศรษฐีจีนโล่งใจได้นานแค่ไหน? หลังรัฐบาลจีนเปลี่ยนท่าทีมาเป็นมิตรกับภาคธุรกิจมากขึ้น
- พญามังกรจะผงาดหรือกลับหัว? เมื่อเศรษฐกิจจีนโตเกินคาด แต่ภาระหนี้ยังจ่อทะลุเพดาน จับตาท่าที ‘สีจิ้นผิง’ ชี้ชะตาผลลัพธ์
- จริงหรือที่ ‘อินเดีย’ กำลังจะเป็นโรงงานของโลกแห่งใหม่ต่อจากจีน? ถึงขั้นที่การผลิต 1 ใน 4 ของ ‘iPhone’ จะย้ายมาที่นี่ภายในปี 2025
อ้างอิง: