ในงาน Made On YouTube เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา YouTube เปิดตัวเครื่องมือและฟีเจอร์เพื่อให้การสร้างสรรค์วิดีโอของเหล่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์ทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยเครื่องมือที่ทำงานด้วยระบบ AI เหล่านี้จะช่วยปลดล็อกรูปแบบ การสร้าง ตัดต่อ และแชร์เนื้อหาด้วยวิธีใหม่ ลดอุปสรรคในกระบวนการสร้างชิ้นงาน และช่วยให้ครีเอเตอร์ YouTube เข้าถึงผู้ชมได้มากขึ้น
ตั้งแต่เปิดตัว Shorts ในปี 2020 เนื้อหาประเภทดังกล่าวก็เป็นที่นิยมของผู้ชมอย่างรวดเร็ว โดยในปัจจุบัน Shorts มียอดดูรายวันกว่า 7 หมื่นล้านครั้งจากผู้ใช้ที่ลงชื่อเข้าใช้กว่า 2 พันล้านคนในแต่ละเดือนแล้ว
Todd Sherman ผู้อำนวยการผลิตภัณฑ์ YouTube Shorts บอกเล่ากับสื่อมวลชนในเอเชีย-แปซิฟิกว่า การเติบโตแบบปีต่อปีของการใช้งาน Shorts ค่อนข้างสูงมากในปีนี้ โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่โตกว่า 130% จากปีที่ผ่านมา ตามข้อมูลเดือนกรกฎาคมของบริษัท
“เหตุผลที่หนุนการเติบโตมาจากปัจจัยการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของผู้คนที่แพร่หลาย และที่สำคัญที่สุดคือจิตวิญญาณของการเป็นครีเอเตอร์ที่สามารถสร้างผลงานให้ตอบโจทย์กับผู้รับชมได้”
เพื่อสานต่อความคิดสร้างสรรค์ในชุมชนเหล่านี้ให้แพร่หลายมากขึ้น YouTube จึงประกาศตั้งเป้าเปิดตัว Dream Screen ฟีเจอร์ใหม่ที่นำ Generative AI มาใช้ใน Shorts ภายในปีนี้ ซึ่ง Dream Screen เป็นฟีเจอร์ใหม่ในเวอร์ชันทดลองที่จะให้ครีเอเตอร์เพิ่มวิดีโอหรือภาพพื้นหลังที่ AI สร้างขึ้นลงใน Shorts ได้ง่ายๆ ด้วยการพิมพ์ไอเดียลงในพรอมต์ Dream Screen ช่วยให้ครีเอเตอร์สร้างฉากใหม่สำหรับ Shorts ได้อย่างไร้ขอบเขตตามจินตนาการ
นอกเหนือจาก Dream Screen ทางแพลตฟอร์มยังได้เปิดตัว YouTube Create เพื่อประหยัดเวลาและลดอุปสรรคในการจัดเตรียมฉากหรือการตัดต่อเพื่อสร้างวิดีโอ ซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกคนสร้างและแชร์เรื่องราวลงใน YouTube ได้โดยตรง
YouTube Create ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยครีเอเตอร์ผ่านชุดเครื่องมือต่างๆ เช่น เครื่องมือตัดต่อ การสร้างคำบรรยายอัตโนมัติ ความสามารถในการอัดเสียงบรรยาย รวมถึงสิทธิ์เข้าถึงคลังฟิลเตอร์ เอฟเฟกต์ ทรานสิชัน และเพลงที่ไม่มีค่าสิทธิในการใช้ (Royalty-free) ที่จะช่วยให้ครีเอเตอร์สร้างวิดีโอ YouTube คลิปถัดไปได้โดยไม่ต้องพึ่งซอฟต์แวร์ตัดต่อวิดีโอที่ซับซ้อน
อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน YouTube Create ยังคงให้บริการในเวอร์ชันเบต้าบน Android สำหรับบางประเทศเท่านั้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, เยอรมนี, ฝรั่งเศส, สหราชอาณาจักร, อินโดนีเซีย, อินเดีย, เกาหลี และสิงคโปร์ ซึ่งทางบริษัทกำลังเร่งขยายบริการเพื่อให้ถึงกลุ่มคนที่กว้างมากขึ้นในเร็ววันนี้ โดยเป็นแอปที่ใช้งานได้ไม่มีค่าใช้จ่าย
นอกจากนี้ YouTube ยังมีวิธีอื่นๆ ที่น่าสนใจในการสร้างสรรค์วิดีโอที่อยู่ระหว่างการพัฒนา เพื่อช่วยให้ครีเอเตอร์เกิดไอเดียใหม่ๆ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ได้ เช่น Aloud เครื่องมือพากย์เสียงด้วยระบบ AI ที่จะถูกนำมาไว้ใน YouTube ทำให้การเข้าถึงฐานผู้ชมในภาษาอื่นๆ เป็นไปได้มากขึ้น และในปีหน้า YouTube Studio จะใช้ Generative AI เพื่อช่วยครีเอเตอร์ระดมไอเดีย และการวางโครงร่างของวิดีโอโดยข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ได้รับการปรับให้เหมาะสมกับแต่ละช่อง อิงตามสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายสนใจอยู่แล้ว
