กรณีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และจำเลยในคดีปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตจำนำข้าว ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาให้รับโทษจำคุก 5 ปี เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา
แต่ก่อนหน้านั้นศาลฎีกาฯ ได้เคยนัดฟังคำพิพากษามาก่อนแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2560 และเมื่อถึงวันนัด ปรากฏว่านางสาวยิ่งลักษณ์ได้หลบหนีการฟังคำพิพากษาและถูกออกหมายจับ กระทั่งถึงปัจจุบันยังไม่มีการยืนยันว่าอดีตนายกฯ พำนักอยู่ที่ใด
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (31 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนถึงกรณีกระทรวงการต่างประเทศได้เพิกถอนหนังสือเดินทางของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทั้งหมดจำนวน 4 เล่ม โดยยืนยันว่ากระทรวงการต่างประเทศได้ยกเลิกพาสปอร์ตทุกเล่มของอดีตนายกฯ แล้ว ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ไม่ได้จำกัดการเดินทาง เนื่องจากขณะนี้คดีถึงที่สุดแล้วเมื่อไม่มีการยื่นอุทธรณ์
และขอชี้แจงว่าจนถึงปัจจุบันนี้ยังไม่ทราบว่าอดีตนายกฯ พำนักอยู่ที่ใด มีเพียงกระแสข่าวที่ปรากฏตามหน้าสื่อเท่านั้นว่าอยู่ที่ประเทศอังกฤษ หากทราบแหล่งที่อยู่ชัดเจน อัยการสูงสุดจะเป็นผู้ดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไป
ขณะที่การติดตามตัวมารับโทษตามคำพิพากษานั้น ตำรวจได้ประสานกับตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) และขั้นตอนการขอตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนจะต้องเริ่มจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติคือตำรวจ อัยการ ส่วนกระทรวงการต่างประเทศทำหน้าที่เป็นเพียงผู้ส่งสาร
“ทางการอังกฤษได้แจ้งมาว่า หากอดีตนายกฯ มาพำนักอยู่ที่ประเทศอังกฤษจะไม่มีเรื่องของการลี้ภัย และต้องพำนักอยู่ตามขั้นตอนการเข้าเมืองตามกฎหมายของอังกฤษ และเราก็ไม่ทราบว่าอดีตนายกฯ จะเดินทางเข้าประเทศอังกฤษด้วยหนังสือเดินทางประเทศใด” นายดอนกล่าว
หากนับตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคมที่อดีตนายกฯ ไม่มาฟังคำพิพากษาจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลากว่า 2 เดือนแล้วที่ไม่ได้ปรากฏตัว หรือปรากฏความเคลื่อนไหวต่อสาธารณชน ซึ่งหลายฝ่ายต่างคาดการณ์ว่าอดีตนายกฯ น่าจะได้รับการช่วยเหลือจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งมีฐานะเป็นพี่ชายแท้ๆ ของเธอ
Photo: LILIAN SUWANRUMPHA/AFP