เงินเยนของญี่ปุ่นทะลุเหนือระดับ 161 เยนต่อดอลลาร์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1986 โดยเงินเยนอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น (BOJ) ยุตินโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบและยกเลิกนโยบาย Yield Curve Control ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา การอ่อนค่าของเงินเยนกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นญี่ปุ่นอย่างไร
เงินเยนอ่อนค่ามากที่สุดในรอบเกือบ 4 ทศวรรษ
ค่าเงินเยนยังคงอ่อนค่าและซื้อขายใกล้ระดับต่ำสุดในรอบหลายทศวรรษเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เนื่องจาก BOJ ยังลังเลที่จะดำเนินการกับนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของญี่ปุ่น Hirofumi Suzuki หัวหน้านักยุทธศาสตร์การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของ Sumitomo Mitsui Banking กล่าวว่า “หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในนโยบายการเงิน เงินเยนจะยังคงอ่อนค่าต่อไป”
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา BOJ ได้เพิ่มอัตราดอกเบี้ยข้ามคืนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2007 ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของญี่ปุ่นกลับมาอยู่ในแดนบวก อย่างไรก็ตาม ความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในอนาคตและท่าที Dovish ของ BOJ ทำให้ค่าเงินอ่อนค่าทะลุระดับ 150 เยนต่อดอลลาร์ และแตะระดับ 160 เยนต่อดอลลาร์ ในช่วงปลายเดือนเมษายน ก่อนที่กระทรวงการคลังของญี่ปุ่นจะเข้ามาแทรกแซง
Dong Chen หัวหน้านักยุทธศาสตร์เอเชียและหัวหน้าฝ่ายวิจัยเอเชียของธนาคารเอกชนสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์อย่าง Pictet กล่าวว่า เขายังคงคาดหวังว่าเงินเยนจะยังคงอ่อนค่าต่อไป แม้ว่าจะมีการแทรกแซงทางวาจา (Verbal Intervention) จากทางการญี่ปุ่นก็ตาม นี่เป็นเพราะส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นที่ยังคงกว้างมาก และสิ่งนี้จะทำให้เงินเยนอ่อนค่าลง เว้นแต่ส่วนต่างนี้จะลดลง
นักวิเคราะห์กล่าวว่า เงินเยนจะยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันตราบใดที่อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกายังคงอยู่ในระดับสูง และจนกว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะสามารถเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยได้ ตลาดคาดการณ์ว่า Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 1-2 ครั้งในปีนี้ แต่อัตราดอกเบี้ย Federal Funds Rate ของสหรัฐฯ อยู่ในช่วงเป้าหมาย 5.25-5.50% ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางในญี่ปุ่นมาก
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา BOJ ยังเผยว่าธนาคารกลางอาจไม่รีบเร่งในการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวด นอกจากนี้ในแถลงการณ์หลังการประชุมครั้งล่าสุด ธนาคารกลางได้กล่าวถึงความอ่อนแอทางเศรษฐกิจซ้ำแล้วซ้ำอีก ในแง่ของการผลิตภาคอุตสาหกรรม การลงทุนที่อยู่อาศัย และการลงทุนภาครัฐ BOJ ประกาศแผนการลดการซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น ทำให้ตลาดเกิดความผิดหวัง เนื่องจากคาดว่าจะมีการลดซื้อพันธบัตรทันทีในการประชุมนโยบายครั้งล่าสุด สิ่งนี้ทำให้นักเทรดขายชอร์ตเงินเยนมากขึ้นและทำให้สกุลเงินเยนอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง
เงินเยนที่อ่อนค่าหนุนการท่องเที่ยวให้กลายเป็น ‘การส่งออก’ อันดับ 2 ของญี่ปุ่น รองจากรถยนต์
การอ่อนค่าของเงินเยนของญี่ปุ่นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์มีบทบาทสำคัญในการผลักดันจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนญี่ปุ่นในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สิ่งนี้ส่งผลให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีมูลค่าถึง 5.3 ล้านล้านเยน หรือคิดเป็น 3.37 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปี 2023 จนทำให้การท่องเที่ยวกลายเป็นการส่งออกอันดับ 2 ของประเทศญี่ปุ่น ตามหลังเพียงอุตสาหกรรมยานยนต์เท่านั้น
ข้อมูลอย่างเป็นทางการเปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วยังชี้ว่าญี่ปุ่นมีนักท่องเที่ยวมากกว่า 3 ล้านคนเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันในเดือนพฤษภาคม เนื่องจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงช่วยให้จำนวนนักท่องเที่ยวพุ่งสูงขึ้นต่อไป นอกจากนี้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วยังเป็นผลมาจากกลยุทธ์ที่นายกรัฐมนตรี Fumio Kishida ต้องการผลักดันจำนวนนักท่องเที่ยวให้เป็น 60 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2030
ค่าเงินเยนที่อ่อนค่าและอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในสหรัฐฯ และเอเชียยังดันการส่งออกของญี่ปุ่นให้เพิ่มขึ้น 13.5% ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเติบโตเร็วกว่าที่คาดไว้ ข้อมูลกระทรวงการคลังแสดงให้เห็นว่าการขาดดุลการค้ามีมูลค่ารวม 1.22 ล้านล้านเยน หรือ 7.7 พันล้านดอลลาร์ โดยลดลงเกือบ 12% จาก 1.38 ล้านล้านเยน ในปีก่อนหน้า การนำเข้าเพิ่มขึ้น 9.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี เป็นเกือบ 9.5 ล้านล้านเยน หรือ 6 หมื่นล้านดอลลาร์ การส่งออกมีมูลค่ารวม 8.3 ล้านล้านเยน หรือคิดเป็น 5.3 หมื่นล้านดอลลาร์ และเติบโตเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2022
อย่างไรก็ตาม Marcel Thieliant จาก Capital Economics กล่าวในรายงานว่า ปัจจัยสำคัญเบื้องหลังการเพิ่มขึ้นของทั้งการส่งออกและการนำเข้าก็คือราคาโดยรวมที่สูงขึ้น ซึ่งมีมูลค่าสูงเกินจริงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า มูลค่าการค้าที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่ในปีที่ผ่านมาสะท้อนถึงราคาที่สูงขึ้น เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินเยนมากกว่าปริมาณที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถึงกระนั้นการค้าขายกับจีน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกเดียวที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่นรองจากสหรัฐอเมริกา เริ่มมีการฟื้นตัวจากวิกฤตในภาคอสังหาริมทรัพย์และผลกระทบที่ยืดเยื้อของการระบาดใหญ่ของโควิด และสิ่งนี้มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนการส่งออกของญี่ปุ่นต่อไป
ค่าเงินเยนร่วงลงไปไกลจนไม่ช่วยหนุนตลาดหุ้นญี่ปุ่นอีกต่อไป
ค่าสหสัมพันธ์ (Correlation) ในช่วง 30 วัน ระหว่างค่าเฉลี่ยหุ้น Nikkei 225 และสกุลเงินญี่ปุ่นเป็นลบในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งบ่งบอกว่านักลงทุนเริ่มระมัดระวังเกี่ยวกับผลกระทบของค่าเงินเยนที่ตกต่ำอย่างไม่หยุดยั้งที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจด้วยการเพิ่มต้นทุนการนำเข้าและส่งผลกระทบต่อกำลังการซื้อของผู้บริโภค นักลงทุนทั่วโลกเริ่มระมัดระวังมากขึ้นจากการที่ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 38 ปี แม้ว่าก่อนหน้านี้ค่าเงินอ่อนค่าจะกระตุ้นให้ผู้ส่งออกเพิ่มมากขึ้นและช่วยสนับสนุนตลาดหุ้นญี่ปุ่น แต่การที่ค่าเงินอ่อนค่าลงอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่น เงินเยนที่อ่อนค่ายังกัดกร่อนมูลค่าการถือครองของนักลงทุนต่างชาติในรูปดอลลาร์อีกด้วย ข้อมูลจาก Japan Exchange Group เผยว่า นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นสุทธิ 2.14 หมื่นล้านเยน หรือ 133 ล้านดอลลาร์ ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 21 มิถุนายน
Kohei Onishi นักยุทธศาสตร์การลงทุนอาวุโสของ Mitsubishi UFJ Morgan Stanley Securities กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติกำลังรอดูตลาด ท่ามกลางความกังวลทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งในฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักร รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ใกล้เข้ามา ทำให้นักลงทุนต่างชาติอาจไม่เป็นผู้ซื้อรายใหญ่ของหุ้นญี่ปุ่นในระยะสั้น
อ้างอิง:
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2024-06-27/japan-s-suzuki-repeats-warnings-after-yen-hits-lowest-since-1986
- https://asia.nikkei.com/Economy/Tourism-surges-to-Japan-s-No.-2-export-behind-cars
- https://www.japantimes.co.jp/business/2024/06/24/markets/yen-boj/
- https://www.cnbc.com/2024/06/28/yen-hits-161-against-us-dollar.html