ค่าเงินเยนอ่อนค่าหนัก หลังธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ฉีดเงินเข้าตลาดบอนด์ประคอง Yield Curve โดยเงินเยนเทียบเงินบาททำสถิติอ่อนค่าสุดรอบ 5 ปี ภาคเอกชนญี่ปุ่นที่ทำธุรกิจในไทยแห่แลกเงินส่งกลับประเทศช่วงจ่ายปันผล ขณะคนไทยฉวยจังหวะแลกเงินเยนเก็บไว้เพื่อรอไปเที่ยว
เงินเยนของญี่ปุ่นอ่อนค่าลงอย่างหนัก หลังจากที่ BOJ ประกาศซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปี แบบไม่จำกัดจำนวน โดยหวังที่จะคุมไม่ให้อัตราผลตอบแทน (Bond Yield) พุ่งทะลุเกินระดับ 0.25% ทำให้ค่าเงินเยนเทียบดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่ามาอยู่ที่ระดับ 125 เยน ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินเยนเทียบเงินบาทก็อ่อนค่ามาอยู่ที่ระดับ 27.3 บาท ต่อ 100 เยน ถือเป็นระดับอ่อนสุดในรอบ 5 ปี
พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า การอ่อนค่าลงของเงินเยนเป็นผลจากนโยบายการเงินของญี่ปุ่นที่แตกต่างจากโลกหรือของสหรัฐฯ กล่าวคือ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ในขณะที่ BOJ ยังส่งสัญญาณใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อเนื่อง ทำให้เงินบางส่วนเริ่มไหลออกจากตลาด Bond ของญี่ปุ่น ส่งผลต่อ Bond Yield ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ด้วยเหตุนี้ BOJ จึงต้องเข้ามารับซื้อเพื่อควบคุมอัตราผลตอบแทนให้อยู่ในระดับเป้าหมาย ซึ่งก็คือการทำ Yield Curve Control นั่นเอง
การอ่อนค่าของเงินเยนทำให้บริษัทญี่ปุ่นและคนไทยที่วางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่นหันมาแลกเงินเยนกันมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงเวลานี้เป็นช่วงจ่ายเงินปันผลของบริษัทญี่ปุ่นที่ทำธุรกิจอยู่ในประเทศไทย จึงมีธุรกรรมการขายเงินบาทเข้าซื้อเงินเยนค่อนข้างเยอะเพื่อที่จะส่งเงินปันผลกลับประเทศ กดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงด้วยเช่นกัน ดังนั้นภาพของเงินเยนเทียบกับเงินบาทจึงไม่ได้เป็นการอ่อนค่าที่รุนแรงเกินไป
“ช่วงนี้เราเห็นโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินเยนจากบริษัทญี่ปุ่นในไทยเข้ามาค่อนข้างมาก เพราะเป็นช่วงจ่ายปันผลด้วย ส่วนธุรกรรมของคนไทยที่แลกซื้อเงินเยนก็น่าจะมีพอสมควร เนื่องจากไม่ได้เห็นการอ่อนค่าของเงินเยนในระดับนี้มานานแล้ว อีกทั้งคนไทยเองไม่ได้เที่ยวต่างประเทศมานานมาก จึงมีเงินเก็บเหลือพอสมควร พอเงินเยนอ่อนค่าลงมามากๆ ก็น่าจะมีหลายคนที่เข้ามาซื้อเงินเยนเก็บเอาไว้ก่อนเพื่อรอไปท่องเที่ยว”
สำหรับแนวโน้มระยะข้างหน้าเชื่อว่าเงินเยนไม่น่าจะอ่อนค่าลงไปมากกว่านี้นัก ไม่ว่าจะเทียบกับเงินดอลลาร์หรือเงินบาท สาเหตุเพราะเงินบาทเองยังมีทิศทางอ่อนค่าลงจากปัญหาเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวล่าช้าและดุลบัญชีเดินสะพัดที่ยังมีแนวโน้มขาดดุลต่อเนื่อง ซึ่งระยะสั้นมีความเป็นไปได้ที่เงินบาทจะอ่อนค่าจนทะลุระดับ 34 บาทต่อดอลลาร์ได้เช่นกัน
พูนกล่าวว่า ในส่วนของเงินเยนเองเชื่อว่าหากสถานการณ์สงครามเริ่มกลับมาดีขึ้น ตลาดเริ่มรับรู้ปัจจัยเรื่องนโยบายการเงินที่มีความแตกต่างกันไปบ้าง ก็มีโอกาสที่เงินทุนต่างชาติจะไหลกลับเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น ส่งผลให้เงินเยนกลับมาแข็งค่าขึ้นได้บ้าง ระยะยาวจึงมองว่าเงินเยนมีแนวโน้มที่จะกลับมาแข็งค่าได้ ส่วนระยะสั้นเชื่อว่าแม้จะมีทิศทางอ่อนค่าแต่คงจะไม่อ่อนค่าลงไปมากกว่านี้นัก
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP