การอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์หลังสหรัฐฯ เปิดเผยรายงานเงินเฟ้อเดือนตุลาคมออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาด ทำให้เงินเยนของญี่ปุ่นแข็งค่าสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ สะท้อนว่ายุคเงินเยนอ่อนค่ารอบนี้อาจสิ้นสุดแล้ว
ในการซื้อ-ขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อวันพฤหัสบดี (10 พฤศจิกายน) เงินเยนของญี่ปุ่นแข็งค่าอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ แตะระดับ 140 เยนต่อดอลลาร์ นับเป็นการแข็งค่าภายในหนึ่งวันที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1998 หลังสหรัฐฯ รายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือนตุลาคมออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาด นับเป็นการบรรเทาแรงกดดันให้กับรัฐบาลญี่ปุ่น ในการเข้ามาแทรกแซงตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอีกครั้ง เพื่อประคับประคองเงินเยน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- อากิโอะ โทโยดะ ซีอีโอ Toyota เผยแล้ว เหตุผลที่ไม่กระโจน ‘สู่สายพาน EV’ พร้อมย้ำ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ยังไม่ใช่กระแสหลัก
- ร้านโอมากาเสะทั่วโลกขาดแคลน ‘เชฟซูชิชาวญี่ปุ่น’ แย่งตัวกันอุตลุด ยิ่งได้ภาษาจะถูกเสนอค่าจ้างสูงถึง 2.2 ล้านบาทต่อปี
- ญี่ปุ่นจ๋าพี่มาแล้ว! นี่คือ 5 เซอร์ไพรส์เล็กๆ จากญี่ปุ่นที่เปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง
โดยเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 146 เยนต่อดอลลาร์ ก่อนจะมีการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ และแข็งค่าขึ้น 6 เยนหลังจากนั้น
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในเดือนตุลาคมที่แผ่วลงเหลือ 7.7% ลดลงจากระดับ 8.2% ในเดือนกันยายน และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาดที่ 7.9% ได้ผลักดันให้เกิดการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจผ่อนการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงและกดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งมีน้ำหนักต่อเงินเยนในปีนี้ลดลง
ด้าน ยูกิโอะ อิชิซูกิ นักกลยุทธ์สกุลเงินอาวุโสจาก Daiwa Securities กล่าวว่า มีสัญญาณหลายประการที่บ่งชี้ว่าแนวโน้มอ่อนค่าของเงินเยนอาจมีการเปลี่ยนแปลง แต่ในแง่ของทิศทางยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่ายุคการอ่อนค่าของเยนจบลงแล้ว แต่ชาร์ตบอกว่ามันจบลงแล้ว
การขาดดุลการค้าที่เพิ่มขึ้นและการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงของ Fed ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้น ได้ร่วมกันผลักดันให้เงินเยนญี่ปุ่นแตะระดับต่ำสุดในรอบ 32 ปีในปีนี้ และทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นต้องใช้เงินประมาณ 9 ล้านล้านเยน (6.35 หมื่นล้านดอลลาร์) ในการแทรกแซงค่าเงินระหว่างเดือนกันยายนและตุลาคม
อ้างอิง: