ถือเป็นข่าวที่น่ายินดีไม่น้อย หลังการเจรจาระหว่างตัวแทนรัฐบาลเยเมนและกบฏฮูตีที่จัดขึ้นเมื่อวานนี้ (13 ธ.ค.) ที่กรุงสตอกโฮล์ม เมืองหลวงของสวีเดน ประสบผลสำเร็จไปด้วยดี ซึ่งมีสหประชาชาติเป็นตัวกลางในการเจรจา
โดยทั้งคู่บรรลุข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวที่เมืองอัลฮูเดดะห์ ซึ่งเป็นเมืองท่าที่สำคัญของเยเมน พร้อมทั้งเคลื่อนกองกำลังออกจากพื้นที่ เพื่อเปิดทางให้กับทีมช่วยเหลือเข้าไปยังพื้นที่ด้านใน บรรเทาความหิวโหยของประชากรหลายล้านคนที่ได้รับผลกระทบจากสงครามเยเมนที่ยืดเยื้อมานานกว่า 3 ปี ซึ่งนับเป็นวิกฤตด้านมนุษยธรรมครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก
ทางด้าน อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาติ เผยว่า ข้อตกลงที่เกิดขึ้นอาจเป็นจุดเริ่มต้นของสันติภาพและช่วยยุติวิกฤตการณ์อันเลวร้ายที่เกิดขึ้นในประเทศแห่งนี้
ในขณะที่ เอลิซาเบธ ดิกกินสัน นักวิเคราะห์และนักวิชาการอาวุโสแถบคาบสมุทรอาหรับของ International Crisis Group ระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าว แม้อาจจะดูเหมือนเป็นเพียงความก้าวหน้าเพียงเล็กน้อย แต่นี่ก็ถือเป็นการประสบความสำเร็จมากกว่าที่ใครหลายคนคาดการณ์ไว้
แม้ข้อตกลงดังกล่าวจะไม่ได้มีการประกาศใช้ทั่วประเทศ เพื่อเปิดทางให้กับการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างเต็มที่ แต่อาจจะเป็นหมุดหมายสำคัญที่อาจนำไปสู่การเจรจาหยุดยิงในอีกหลายพื้นที่ในอนาคต โดยเฉพาะในจุดที่เป็นท่าเรือหรือท่าอากาศยาน ที่จะใช้เป็นช่องทางในการส่งต่อความช่วยเหลือต่อไป
เยเมนถือเป็นหนึ่งประเทศที่สหประชาชาติให้ความสำคัญเป็นพิเศษ หลังประชาชนหลายล้านคนได้รับผลกระทบจากสงคราม ขาดแคลนอาหาร รวมถึงยารักษาโรค เป็นวิกฤตด้านมนุษยธรรมครั้งใหญ่ของโลกที่จะต้องได้รับความช่วยเหลือเป็นการด่วน เนื่องจากกลไกของประเทศเยเมนเองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่ต่างอะไรกับรัฐล้มเหลวที่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐาน รวมถึงประกันความปลอดภัยในชีวิตของพลเมืองเยเมนได้
สหประชาชาติคาดการณ์ว่า พลเมืองชาวเยเมนกว่า 8.4 ล้านคน กำลังตกอยู่ในภาวะอดอยาก ขาดแคลนอาหาร อีกทั้งยังเผชิญหน้ากับการระบาดของโรคอหิวาตกโรค ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปหลายแสนรายแล้ว โดยในจำนวนนี้เป็นเด็กถึง 85,000 คน นับตั้งแต่เยเมนกลายเป็นกระดานหมากสำคัญให้กับประเทศไม้เบื่อไม้เมาในโลกอาหรับอย่างอิหร่านและซาอุดีอาระเบีย
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
