เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ออกมาระบุว่าทางการสหรัฐฯ จะมุ่งใช้กลไกของสถาบันการเงินระหว่างประเทศอย่างกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก (World Bank) ทำหน้าที่ถ่วงน้ำหนักอิทธิพลทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นของจีนในประเทศกำลังพัฒนา เช่นเดียวกันกับที่ถ่วงดุลอำนาจของสหรัฐอเมริกา
โดยเยลเลนยังระบุด้วยว่าตัวเธอเองอยู่ระหว่างการรวบรวมเสียงสนับสนุนจากสภาคองเกรสเพื่อเปิดทางให้สหรัฐฯ ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่สถาบันการเงินระหว่างประเทศเหล่านั้นให้มากขึ้น
Bloomberg รายงานว่าเยลเลนมีแผนจะขึ้นแสดงจุดยืนด้านการเงินบนเวทีโลกของสหรัฐฯ ด้วยการยกย่องสถาบันอย่างกองทุนการเงินระหว่างประเทศและธนาคารโลกที่ ‘สะท้อนค่านิยมของชาวอเมริกัน’ โดยย้ำว่าบทบาทความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ ภายในสถาบันเหล่านี้เป็นหนึ่งในแนวทางหลักของสหรัฐฯ ในการมีส่วนร่วมกับตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา
รายงานระบุว่าเยลเลนมีกำหนดขึ้นแถลงจุดยืนดังกล่าวต่อหน้าคณะกรรมการบริการทางการเงินของสภา (House Financial Services Committee) ซึ่งมีเป้าหมายที่เจ้าตัวต้องการเน้นย้ำถึงบทบาทของสถาบันการเงินระหว่างประเทศในฐานะผู้ให้ทรัพยากรที่แท้จริงเพื่อรับมือกับความท้าทายที่โลกเผชิญ ทั้งจากสภาพดินฟ้าอากาศและพายุเศรษฐกิจที่จะกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาว
โดยคาดว่าเธอจะเน้นย้ำความสำคัญในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สถาบันการเงินระหว่างประเทศเหล่านั้น เพื่อให้ช่วยทำหน้าที่เป็นตัวถ่วงดุลต่อการให้กู้ยืมที่ไม่โปร่งใสและไม่ยั่งยืนของจีน
ความเห็นดังกล่าวของเยลเลนแสดงให้เห็นถึงแนวรบระหว่างสหรัฐฯ กับจีน สองประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก ท่ามกลางการแข่งขันระหว่างกันเพื่อช่วงชิงอิทธิพลในประเทศกำลังพัฒนา โดยขณะนี้จีนได้กลายเป็นผู้ให้กู้อย่างเป็นทางการรายใหญ่ที่สุดแก่ประเทศยากจนจำนวนมากทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม การชื่นชมบทบาทของสถาบันการเงินระหว่างประเทศที่ก่อตั้งขึ้นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ของเยลเลนกลับมีแววว่าจะถูกโต้กลับอย่างเผ็ดร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากฝั่งพรรครีพับลิกัน ซึ่งสมาชิกพรรคส่วนใหญ่มองว่า IMF และ World Bank ออกนอกกรอบหน้าที่เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศกำลังพัฒนา
อ้างอิง: