‘ตัวสูง ผมบลอนด์ ตาฟ้า หุ่นนาฬิกาทราย’ กลายเป็นมาตรฐานวัดคุณค่าของผู้หญิงที่วงการฮอลลีวูดเลือกใช้มานานแสนนาน เพื่อให้ผู้หญิงวาดฝันกันว่า ‘สักวันหนึ่งฉันต้องถึงจุดนั้นให้ได้’ ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ เธอจะเกิด มีจุดยืน และมีตัวตน แต่ในยุคสมัยที่สังคมเราถูกขับเคลื่อนด้วยค่านิยมใหม่ๆ ที่รูปลักษณ์หน้าตาไม่ใช่แค่สิ่งเดียวสำหรับ ‘นางเอกฮอลลีวูด’ เราจึงได้เห็นภาพยนตร์ทุกระดับตั้งแต่อินดี้จนถึงสตูดิโอยักษ์ใหญ่ เปิดโอกาสผู้หญิงทุกรูปทรง ทุกสีผิว ทุกสีผม ได้มีโอกาสอยู่บนจอเงิน และกลายเป็นแรงบันดาลใจใหม่ๆ ต่อเด็กรุ่นหลัง
ในช่วงเทศกาลแจกรางวัลช่วงต้นปี เหมือนเป็นเวทีช่วยแจ้งเกิดนักแสดงใหม่ๆ ชั่วข้ามคืน ซึ่งบางคนอาจเพิ่งเรียนจบแบบ ลูพิตา นยองโก หรืออยู่วงการมานานอย่าง ออคตาเวีย สเปนเซอร์ แต่มาในปีนี้ ชื่อของ ยาลิตซา อปาริซิโอ ก็น่าจะเป็นที่พูดถึงและเรากำลังจะได้เห็นการเริ่มต้นบนถนนสายบันเทิงของเธอ ที่แม้จะมาพร้อมความบังเอิญและอาจไม่ได้มีคุณสมบัติตามเช็กลิสต์ในประโยคแรกก็ตาม
ยาลิตซา เกิดเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 1993 ที่เมือง Tlaxiaco ในรัฐ Oaxaca ประเทศเม็กซิโก ซึ่งมีประชากรราว 40,000 คน เธอถูกเลี้ยงมาตามลำพังโดยคุณแม่ที่ทำงานเป็นคนรับใช้ ซึ่งเป็นหน้าที่การงานเดียวกันกับตัวละคร Cleodegaria ‘Cleo’ Gutiérrez ที่เธอเล่นใน Roma ภาพยนตร์เรื่องแรกของชีวิต ผลงานผู้กำกับมือฉมังชาวเม็กซิกัน อัลฟอนโซ กัวรอน ที่ได้กวาดรางวัลมาหลายเวทีแล้วตั้งแต่ไปฉายที่เทศกาล Venice International Film Festival เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และเป็นตัวเต็งเบอร์หนึ่งช่วงเทศกาลแจกรางวัลที่กำลังจะเกิดขึ้น
การที่ยาลิตซามารับบทนำใน Roma ก็ถือว่ามาพร้อมความบังเอิญสุดๆ เพราะในตอนนั้นเธอเพิ่งจบปริญญาตรี เตรียมเป็นครูสอนอนุบาล และกำลังรอผลสอบใบประกอบวิชาชีพ ระหว่างเวลาว่างกว่า 6 เดือน เธอตัดสินใจไปออดิชันหนังเรื่องนี้เล่นๆ แทนพี่สาวที่กำลังตั้งครรภ์ ซึ่งอัลฟอนโซก็ใช้เวลานานนับปีกว่าจะหานักแสดงมาเล่นเป็นตัวละคร Cleo ที่อ้างอิงจากชีวิตจริงของ Liboria ‘Libo’ Rodríguez พี่เลี้ยงเขาเองในวัยเด็ก โดยในตอนแรกแคสที่เมือง Mexico City ก่อนที่จะส่งทีมงานไปแคสที่รัฐ Oaxaca บ้านเกิดของยาลิตซา และเจอเธอเข้า แต่เพราะการแคสต์ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือว่าลึกลับและไม่มีการเปิดเผยว่าอัลฟอนโซจะเป็นคนกำกับ ครอบครัวของเธอก็เป็นห่วงว่าจะเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกับการค้ามนุษย์ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในประเทศเม็กซิโก
แม้ Roma จะถ่ายทำราว 110 วัน และเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตของยาลิตซา ซึ่งเป็นผู้หญิงที่ขี้อายมากๆ เธอจึงต้องมีครอบครัวมาที่กองถ่ายด้วยเพื่อเป็นกำลังใจ แต่ในแง่การแสดงของเธอก็ถือว่ายอดเยี่ยมและมีความธรรมชาติแบบไม่ปรุงแต่งหรือพยายามเกินไป
ทุกจริต ทุกท่วงท่า และทุกจังหวะในทั้งการพูดหรือแสดงอารมณ์ของยาลิตซามีความนิ่งแบบไม่หวือหวาดราม่า แต่กลับสร้างความตกตะลึงให้คนดูในตอนจบ และทำให้เห็นว่าแม้มนุษย์เราทุกคนต่างก็ต้องเผชิญกับปัญหาชีวิตมากมาย และการที่เราผ่านมันมาได้นั่นแหละคือพลังที่เราสร้างขึ้นมา
ช่วงนี้เราจะได้เห็นยาลิตซาปรากฏตัวตามพรมแดงงานแจกรางวัลมากมายอย่างแน่นอน เพราะภาพยนตร์เรื่อง Roma ไม่น่าพลาดที่จะได้เข้าชิงทุกเวที ส่วนตัวเธอเองก็ได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยมมาแล้วหลายเวที อาทิ Critics’ Choice Awards และ Hollywood Film Awards ที่เธอชนะสาขา New Hollywood Award มาแล้ว ส่วนเวทีออสการ์ก็ต้องรอลุ้นดูว่าเธอจะติดโผในรายชื่อผู้เข้าชิงที่จะประกาศช่วงปลายเดือนมกราคมนี้ไหม ซึ่งยาลิตซาก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ต่อจากนี้เธอไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเอาดีด้านการแสดงหรือกลับไปเป็นครูสอนอนุบาลตามความฝัน แต่หากเลือกเป็นนักแสดง คงต้องขอเข้าคอร์สเรียนการแสดงเพิ่มเติมก่อน
นอกเหนือจากนั้น ยาลิตซาก็เพิ่งได้ขึ้นปกนิตยสาร Vogue ฉบับเม็กซิโก ซึ่งได้รับคำชมอย่างล้นหลามที่เลือกผู้หญิงแบบเธอขึ้นปก แทนที่จะเป็นผู้หญิงในรูปแบบมาตรฐานของนิตยสารแฟชั่นชั้นนำ แถมเธอเป็นชาวเม็กซิกันท้องถิ่น (Indigenous Mexican) คนแรกๆ ที่มีโอกาสขึ้นปกนิตยสาร Vogue โดยเธอพูดอย่างกินใจในคลิปวิดีโอสัมภาษณ์ว่า ถึงแม้จะเริ่มมีชื่อเสียงในวันนี้แล้ว แต่เธอก็ไม่มีวันลืมรากฐานของตัวเอง เพราะถ้าลืมก็เหมือนเธอลืมว่าตัวเองเป็นใคร
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: