วันนี้ (6 มกราคม) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (กบฉ.) ครั้งที่ 1/2568 โดยระบุว่า การประชุมมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม และเห็นชอบให้ยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่อำเภอยะหา จังหวัดยะลา ออกจากพื้นที่ที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง เป็นเหตุให้เดิมมีการประกาศในพื้นที่ 33 อำเภอ ซึ่งขณะนี้เหลือ 17 อำเภอ
ภูมิธรรมกล่าวด้วยว่า มีการตั้งคำถามว่าที่ทำอยู่เดินมาถูกทางแล้วหรือไม่ เพราะเกี่ยวพันกับการทำงานด้านอื่น ทั้งเรื่องความมั่นคงที่ยังเผชิญกับสถานการณ์ความรุนแรง ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนและเจ้าหน้าที่ หากสามารถแก้ไขปัญหาได้ดีขึ้นก็เป็นผลบวก แต่ได้ฝากเป็นคำถาม ซึ่งจะต้องได้คำตอบภายใน 1 เดือน คือวิธีการและยุทธศาสตร์ในการทำงานเพื่อกำหนดเป้าหมายทั้งหมด ว่ามาถูกต้องและถูกทางแล้วหรือไม่
ภูมิธรรมระบุว่า ได้ให้โจทย์ไปหลายข้อเพื่อให้กลับไปช่วยกันคิด เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นมากว่า 20 ปีแล้ว แต่ไม่ได้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น หากไม่มีการทบทวนหรือประเมินก็จะเป็นอยู่แบบเดิม ซึ่งได้สั่งให้ไปดูยุทธศาสตร์การทำงานในพื้นที่ว่าควรจะเป็นอย่างไร รวมถึงการตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขชายแดนภาคใต้ ยุทธศาสตร์ต้องชัด ถึงจะกำหนดยุทธวิธีในการขจัดปัญหา และกลุ่มบุคคลที่จะเข้ามาดำเนินการ
ทั้งนี้ ภายในเดือนมกราคม ทาง ฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) รับปากว่าจะไปดำเนินการหาข้อสรุป โดยตนเองบอกว่าไม่ต้องเกรงใจกัน และอยากให้ทาง สมช. ฟังหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ หากตรงไหนมีความลำบากใจที่จะพูดคุยก็ให้ส่งข้อมูลมาให้ตนเองหรือทางเลขาฯ สมช. ก็ได้ เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาและทำให้ดีขึ้น
ส่วนกรณี ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียนของ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย จะเป็นผลดีต่อการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้หรือไม่นั้น ภูมิธรรมกล่าวว่าน่าจะเป็นผลดี เพราะมีเรื่องมาเลเซียมาเกี่ยวข้อง และทางนายกรัฐมนตรีมาเลเซียก็ปรารถนาจะให้พื้นที่ชายแดนของทั้ง 2 ประเทศสงบ เป็นพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจ มีความมุ่งหวังที่ตรงกัน และมีทักษิณเป็นที่ปรึกษาน่าจะทำให้ไทยได้ผลประโยชน์และเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
สื่อมวลชนสอบถามว่า การแก้ไขปัญหาในพื้นที่จะเกิดความลำบากหรือไม่ เพราะคนในพื้นที่รู้สึกไม่ดีกับพรรคเพื่อไทย ภูมิธรรมตอบว่า ไม่มีปัญหา ความลำบากคืองานของเรา หากกลัวความลำบากก็ไม่ต้องมาเป็นรัฐบาล หากเราตั้งใจและทำให้เกิดความชัดเจน ทำในสิ่งที่คนส่วนใหญ่อยากได้ ทุกคนก็จะต้อนรับ เปรียบเสมือนการแย่งชิงมวลชน หากเรามองมวลชนคือเป้าหมายที่จะไปให้ประโยชน์ แต่หากมีฝ่ายคัดค้านต่อต้านหรือทำร้าย เราก็ต้องระมัดระวังป้องกันคนของเรา แต่เป็นภารกิจที่ต้องทำให้สำเร็จ ไม่ได้กังวลใจอะไร
“ผมไม่อยากให้เราเดินไปตามเกมหรือวิธีการของฝ่ายตรงข้าม ผมต้องการให้การเจรจาถูกคน ซึ่งหากถูกคน สถานการณ์ก็ต้องคลี่คลาย หากไม่ถูกก็ต้องกลับมาทบทวน เพราะเราก็มีความตั้งใจที่จะทำให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เดินไปข้างหน้าในทิศทางที่ดี” ภูมิธรรมกล่าว
ปม 4 คนไทย ไม่ลงรายละเอียด หวั่นกระทบการเจรจา
สำหรับความคืบหน้าการปล่อยตัว 4 ลูกเรือไทยที่ถูกทางการเมียนมาจับกุม ภูมิธรรมกล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศ ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด กำลังพยายามทำหน้าที่ ซึ่งทางเมียนมาตอบสนองโดยปล่อยคนไทย 151 คนมา ส่วน 4 ลูกเรือเป็นกระบวนการที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายให้ครบถ้วน ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามประสานงานอยู่
“ขณะนี้ทั้ง 4 คนอยู่ที่จังหวัดเกาะสอง ซึ่งพาญาติไปเยี่ยมเรียบร้อยแล้ว สร้างความสบายใจขึ้นว่าทุกคนยังอยู่ปกติดี โดยกระบวนการเรื่องนี้มีขั้นตอนเหมือนกันทุกประเทศ เราเองจับคนต่างชาติมาก็ต้องมีกระบวนการเหมือนกัน ดังนั้นต้องรอการดำเนินการที่ชัดเจนมากขึ้น” ภูมิธรรมกล่าว
ทั้งนี้ ภูมิธรรมย้ำว่า เรื่องขณะนี้ยังไม่จบ แต่อยากให้เห็นว่ารัฐบาลตั้งใจที่จะแก้ปัญหา และมีการประสานงานอย่างต่อเนื่อง ส่วนผลจะเป็นอย่างไรอยู่ที่การพูดคุยกัน ระยะเวลาคงตอบไม่ได้ อาจจบพรุ่งนี้หรือสัปดาห์หน้าก็ได้ อยู่ที่กระบวนการและประเทศเมียนมาด้วย แต่ละคดีไม่เหมือนกัน เอามาเป็นบรรทัดฐานเหมือนกันไม่ได้ ขอให้รอให้จบก่อนดีกว่า อย่ารู้รายละเอียดมาก เพราะจะทำให้การพูดคุยยากลำบาก