ชื่อของ Xiaomi เชื่อว่าทุกท่านรู้จักกันเป็นอย่างดีแล้ว ในฐานะผู้นำทางด้านเทคโนโลยีที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลายครอบคลุมแทบจะทุกอย่างในการดำเนินชีวิตของเรา โดยจุดเด่นที่สุดของ Xiaomi คือ บริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก (รองจาก Samsung) และมียอดขายเป็นอันดับ 3 ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในเรื่องของเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ไม่น้อยหน้าแบรนด์ใดในโลกนี้
Xiaomi ได้สร้างความฮือฮามาแล้วหลังประกาศจะทำรถยนต์ไฟฟ้าออกจำหน่ายเมื่อปี 2021 โดยมีการตั้งบริษัทและดูจริงจังกับโปรเจกต์นี้อย่างยิ่ง จนกระทั่งปลายปี 2023 Xiaomi เซอร์ไพรส์โลกนี้อีกครั้งด้วยการเผยโฉม Xiaomi SU7 แต่แม้จะเป็นเพียงการให้ข้อมูลเบื้องต้นและยังไม่ประกาศราคา แต่ก็เพียงพอที่จะเขย่าวงการรถยนต์ไฟฟ้าได้มิใช่น้อย สิ่งใดคือจุดสำคัญ เราจะชี้ให้เห็น
เฉพาะข้อมูลที่เปิดเผยออกมา แสดงให้เห็นถึงความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นจอกลางขนาดใหญ่ 16.1 นิ้ว ที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด Xiaomi Hyper OS รองรับระบบขับขี่อัตโนมัติที่จะมีขึ้นในอนาคต โดยไม่กี่ชั่วโมงหลังการเผยโฉม Xiaomi ได้เผยคลิปวิดีโอที่แสดงให้ทั้งโลกเห็นว่า Xiaomi SU7 สามารถขับเข้าไปในตึกที่จอดรถได้เองโดยไม่ต้องมีคนขับแต่อย่างใด
มันสมองของ Xiaomi SU7 เลือกใช้ชิป Qualcomm Snapdragon 8295 ตัวใหม่ล่าสุด ที่มีประสิทธิภาพรวมเหนือกว่าชิปรุ่นก่อนหน้าถึง 8 เท่า รองรับการควบคุมอุปกรณ์ AIot ครบทุกสิ่ง ส่วนระบบความบันเทิงจัดให้เต็มพิกัดด้วยลำโพง 25 ตัว พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos ที่ได้รับการกล่าวขานว่าดีที่สุดของระบบเสียงในรถยนต์ ณ เวลานี้ ใส่มาให้ไม่น้อยหน้าแบรนด์รถยนต์หรูหราของฝั่งตะวันตก
สำหรับโครงสร้างตัวถัง มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดคือ CTB หรือ Cell to Body คือการออกแบบโครงสร้างตัวถังและแบตเตอรี่ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน อธิบายแบบง่ายๆ คือ แบตเตอรี่จะถูกยึดกับโครงสร้างตัวถัง และฝาปิดแบตเตอรี่จะครอบอยู่ด้านบน โดยเซลล์แบตเตอรี่จะอยู่ระหว่างโครงสร้างตัวถังซ้าย-ขวา จากเดิมแบตเตอรี่จะแยกส่วนกันและยึดอยู่ใต้โครงสร้างตัวถัง ซึ่งเทคโนโลยีนี้ช่วยให้โครงสร้างตัวถังแข็งแรงขึ้น ส่งผลดีต่อการขับขี่โดยรวม
หัวใจในการขับเคลื่อนมากับเทคโนโลยี 800 โวลต์ ซึ่งถือว่าล้ำหน้าที่สุดของยุคนี้ มอเตอร์ไฟฟ้ามีให้เลือก 2 รุ่น คือ มอเตอร์เดี่ยว 299 แรงม้า และมอเตอร์คู่ (ขับเคลื่อนสี่ล้อ) 673 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลา 2.78 วินาที ความแรงระดับนี้คือเหนือกว่ารถซูเปอร์คาร์ แต่กลับมาอยู่ในร่างของรถซีดานใช้งานทั่วไป
แน่นอนว่าแรงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีส่วนอื่นที่รองรับสมรรถนะระดับสูงขนาดนั้น Xiaomi เลือกให้ระบบเบรก 4 Pot จาก Brembo และระบบควบคุมการทรงตัวจาก Bosch เรียกว่าของที่ใส่มาเลือกใช้ผู้ผลิตเดียวกับรถยนต์แบรนด์ยุโรป เพื่อความมั่นใจในคุณภาพ
ขณะที่แบตเตอรี่เลือกใช้ของ CATL และ BYD (ขึ้นอยู่กับรุ่นที่เลือก) โดยรุ่นท็อปขับเคลื่อนสี่ล้อแบตเตอรี่มีขนาด 101 kWh 800 Volt ของ CATL วิ่งได้ระยะทางไกลสุด 800 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม (มาตรฐาน CLTC) ใช้เวลาในการชาร์จ 5 นาทีได้ระยะทางวิ่งเพิ่ม 220 กิโลเมตร และ 15 นาทีได้ระยะทางวิ่งเพิ่ม 510 กิโลเมตร เมื่อชาร์จด้วยชุด Hyper Charge ของ Xiaomi เรียกว่าก้าวข้ามความกังวลเรื่องระยะทางวิ่งไปอีกหนึ่งยุค
ขณะที่สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดของแบรนด์รถยนต์อื่นๆ คงเป็นเรื่องของความรวดเร็วในการผลิต หากย้อนไปดูช่วงต้นของบทความ Xiaomi ใช้เวลาเพียง 2 ปีเท่านั้นหลังจัดตั้งบริษัทก็สามารถเปิดตัวรถออกจำหน่ายได้เลย ฉีกทุกกฎของการสร้างรถในยุคปัจจุบัน ซึ่งแต่ละรุ่นของแบรนด์ยุโรป อเมริกา และญี่ปุ่น จะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 4-5 ปีนับตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ
กำหนดการจำหน่ายและราคาค่าตัวของ Xiaomi SU7 ยังไม่มีการเปิดเผยออกมาในเวลานี้ แต่ได้รับการคาดหมายว่าจะอยู่ในช่วงต้นปี 2024 อย่างแน่นอน รอลุ้นกันว่าราคาค่าตัวจะสร้างแรงกระเพื่อมให้กับตลาดรถยนต์ของโลกใบนี้ได้อีกทีหรือไม่ แต่เชื่อขนมกินได้ว่าภายใต้แบรนด์ Xiaomi ไม่เคยทำให้ลูกค้าผิดหวัง ถ้าคุณชอบคำว่า ‘คุ้มค่า’
