Xiaomi ยักษ์ใหญ่ด้านสมาร์ทโฟนจากจีน เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รุ่นแรก พร้อมเปิดจองอย่างเป็นทางการ โดยในงานเปิดตัว Lei Jun ซีอีโอของบริษัทประกาศว่ารุ่น Xiaomi SU7 มีราคาเริ่มต้น 215,900 หยวน (ประมาณ 1 ล้านบาท) ส่วนรุ่น Max จะอยู่ที่ 299,900 หยวน (ประมาณ 1.5 ล้านบาท) และมีคำสั่งซื้อเข้ามากว่า 50,000 คันแล้วใน 27 นาทีแรก
CNBC รายงานโดยอ้างอิงคำพูดของซีอีโอ Xiaomi ที่ยอมรับว่า ราคาขายดังกล่าว (เริ่มต้นราว 1 ล้านบาท) ทำให้บริษัทต้องขาดทุนต่อคัน แต่ไม่ได้ระบุว่าขาดทุนเป็นตัวเลขเท่าไร
การที่ Xiaomi บุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้นในช่วงที่ยอดขาย EV ทั่วโลกชะลอตัวลง จุดชนวนสงครามราคา โดย Xiaomi ต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งยักษ์ใหญ่อย่าง Tesla และ BYD โดย Tesla Model 3 ในจีนมีราคาเริ่มต้นที่ 245,900 หยวน (ประมาณ 1.24 ล้านบาท)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ฉีกทุกกฎของการสร้างรถ! Xiaomi ใช้เวลาเพียง 2 ปีเข็น ‘SU7’ น้องใหม่ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า แต่ (กำลัง) ทำให้ยักษ์ใหญ่สะเทือน
- Apple ใช้เวลา 10 ปีมัวแต่ฝัน แต่ Xiaomi จากจีนผลิต ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ ได้ในเวลาแค่ 3 ปี
- ตำเงิน (แสนล้านและเวลา 10 ปี) ละลายกับ EV! เบื้องลึกเบื้องหลังฝันไกลแต่ไปไม่ถึงของ Apple จนต้องพับโปรเจกต์รถยนต์ที่ (ถูกมองว่า) ‘ล้มเหลว’ ตั้งแต่แรก
Lei Jun ระบุว่า Xiaomi SU7 ที่มีจุดเด่นเรื่องระบบปฏิบัติการที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน แล็ปท็อป และอุปกรณ์อื่นๆ ของ Xiaomi ได้ จะดึงดูดกลุ่มลูกค้าเดิมของแบรนด์
ยักษ์เทคแดนมังกรยังเคลมว่า SU7 มีสเปกหลายจุดที่เหนือกว่า Model 3 แม้ในบางด้าน เช่น ระบบขับขี่อัตโนมัติ Tesla อาจทำได้ดีกว่า แต่เขาก็เชื่อมั่นว่า Xiaomi จะใช้เวลาราว 3-5 ปีในการพัฒนาเทคโนโลยีให้ทัดเทียม นอกจากนี้ SU7 ยังมีระยะทางการวิ่งต่อการชาร์จหนึ่งครั้งสูงสุด 700 กิโลเมตร มากกว่า Tesla Model 3 ที่อยู่ที่ 606 กิโลเมตร
ตัวรถพร้อมจะเริ่มส่งมอบได้ภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้ โดย Lei Jun ย้ำว่า โรงงานผลิตรถยนต์ของ Xiaomi ใช้ระบบอัตโนมัติในทุกขั้นตอน สามารถผลิตรถยนต์ SU7 ได้ทุก 76 วินาที อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าโรงงานผลิตรถยนต์นี้จะเริ่มเปิดดำเนินการเต็มรูปแบบเมื่อไร
Xiaomi ผลิตรถยนต์รุ่นนี้ออกมาหวังจะแย่งส่วนแบ่งตลาดจาก Tesla โดยปัจจุบัน Xiaomi เป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่อันดับสามของโลก ด้วยส่วนแบ่งตลาดประมาณ 12%
แม้ว่าการเปิดตัวรถยนต์รุ่นแรกจะเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่สำหรับ Xiaomi แต่เป้าหมายที่ยากที่สุดคือการพิสูจน์ให้ผู้บริโภคเห็นว่า Xiaomi สามารถเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาด EV ที่มีความแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ยังมีประเด็นท้าทายอื่นๆ อีก เช่น การที่ Apple พับแผนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเมื่อเดือนก่อน สะท้อนให้เห็นว่า แม้แต่บริษัทเทคระดับโลกก็ยังต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนจะเข้าตลาดนี้
ขณะเดียวกันยังมีความกังวลเรื่องสงครามการค้า โดยเมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลจีนได้ยื่นเรื่องต่อองค์การการค้าโลก (WTO) เพื่อคัดค้านเงินอุดหนุน EV ของสหรัฐฯ ตามกฎหมาย Inflation Reduction Act
อย่างไรก็ตาม Xiaomi มองเห็นโอกาสและเชื่อมั่นในแบรนด์ของตัวเอง จึงเลือกบุกตลาด EV โดยวางแผนลงทุน 1 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.5 แสนล้านบาท) ในช่วง 10 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ Xiaomi วางแผนจำหน่าย SU7 ในจีนเป็นหลักก่อน โดยอาจใช้เวลา 2-3 ปีก่อนที่จะขยายไปต่างประเทศ
ภาพ: Quan Yajun / VCG via Getty Images
อ้างอิง: