ย้อนเส้นทางชีวิตของสีจิ้นผิง ผู้นำรุ่นที่ 5 ของจีน จากลูกชายคนรองของอดีตรองนายกรัฐมนตรีจีนในยุคเหมาเจ๋อตุงที่ถูกปลดจากตำแหน่ง สืบเนื่องจากกรณีอนุมัติให้ตีพิมพ์หนังสือวิจารณ์เหมา จนสมาชิกตระกูลสีตกต่ำถึงขีดสุด ความยากลำบากในวัยเด็กมีส่วนผลักดันให้สีจิ้นผิงหันหน้าเข้าสู่แวดวงการเมืองและสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) ตั้งแต่ปี 1974
ก่อนที่สีจิ้นผิงจะเริ่มทะยานขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะกรรมการประจำกรมการเมือง (PSC) ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มคนที่กุมอำนาจนำภายในพรรคคอมมิวนิสต์จีน ตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา ก่อนจะได้รับโอกาสให้นั่งเก้าอี้รองประธานาธิบดีจีนในสมัยประธานาธิบดีหูจิ่นเทา ผู้นำจีนรุ่นที่ 4 ในปี 2008
บทความที่เกี่ยวข้อง:
โดยการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 18 เมื่อปี 2012 มีมติแต่งตั้งให้สีจิ้นผิงขึ้นดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน เปิดประตูการเป็นผู้นำรุ่นที่ 5 ของจีนอย่างเป็นทางการ ก่อนที่สภาประชาชนหรือที่ถูกเปรียบเป็น ‘สภาตรายาง’ ของจีน จะมีมติรับรองให้สีจิ้นผิงขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจีนต่อจากหูจิ่นเทาในเดือนมีนาคม ปี 2013
และในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 20 ในเดือนตุลาคม ปี 2022 ก็มีมติรับรองให้สีจิ้นผิงดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนต่อไป และล่าสุดสภาประชาชนจีนได้ลงมติรับรองอย่างเป็นเอกฉันท์ตามความคาดหมายให้สีจิ้นผิงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจีนสมัยที่ 3 อย่างเป็นทางการในวันนี้ (10 มีนาคม) ซึ่งทำให้เขากลายเป็นผู้นำจีนสมัยใหม่ที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดและมีอำนาจสูงสุดนับตั้งแต่ผู้นำรุ่นที่ 1 อย่างเหมาเจ๋อตุง เพราะผู้นำจีนคนรุ่นก่อนๆ จะดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 สมัย (10 ปี) เท่านั้น
ภาพประกอบ: พิชามญชุ์ วรรณสาร
อ้างอิง: