เผลอแป๊บเดียว Muzik Move ค่ายเพลงสีเหลืองที่หลายคนคุ้นตา ก็ก้าวเข้าสู่ปีที่ 10 แล้วในปี 2025 สิบปีที่ผ่านมานี้ อุตสาหกรรมเพลงไทยเปลี่ยนไปแทบทุกอย่าง แต่ Muzik Move ก็ยังแข็งแกร่งและพร้อมปรับตัวอยู่เสมอ
วันนี้ THE STANDARD POP มีโอกาสพูดคุยกับ จุ๊บ-วุฒินันต์ ภิรมย์ภักดี บอสใหญ่แห่ง Muzik Move ถึงบทบาทอันท้าทายของค่ายเพลง มุมมองการบริหาร และมูฟต่อไปของค่าย Muzik Move ที่เริ่มจากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ จนก้าวเป็นค่ายปลุกปั้นศิลปินชื่อดังมากมาย ทั้ง อิ้งค์ วรันธร, Zom Marie, Indigo, ETC., Silly Fools, Serious Bacon, เอิ๊ต ภัทรวี และอีกหลายศิลปินจากค่ายในเครือทั้ง 8 ค่าย
ครบรอบ 10 ปี Muzik Move มองภาพ ‘อนาคตของค่ายเพลง’ ในอีก 10 ปีข้างหน้าเป็นอย่างไร
จุ๊บ: ผมเชื่อว่าอนาคตของค่ายเพลงจะไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่การผลิตเพลง แต่จะพัฒนาไปเป็น Creative Ecosystem ที่เชื่อมศิลปินกับแฟนเพลงผ่าน Platform ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลง คอนเสิร์ต คอนเทนต์ หรือแม้กระทั่ง Technology ใหม่ๆ อย่างเช่น AI แต่ไม่ว่าจะมีเครื่องมืออะไรเข้ามา หัวใจของมันยังคงเป็นศิลปินกับเพลงที่จริงใจต่อคนฟัง เราจะยังคงสร้างสรรค์ดนตรีที่มีคุณภาพและเข้าถึงผู้ฟังต่อไปครับ
นอกจากนี้ Music Community ก็สำคัญครับ ผมอยากเห็นทุกค่ายร่วมมือกันเพื่อให้เกิดความหลากหลายของแนวเพลง ทำให้กลุ่มคนฟังเปิดกว้างมากขึ้น มี Venue หลายขนาดในราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อรองรับความต้องการทั้งของศิลปินและแฟนเพลง และผมหวังว่าวงการเพลงไทยจะเติบโตแข็งแรงขึ้นจนเป็น Soft Power ที่ขยายไปสู่ต่างประเทศ เริ่มจากในเอเชีย เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน รวมถึงเกาหลีและญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันมีศิลปินไทยหลายคนที่ทำเพลงเอง และเริ่มมีชื่อเสียงในต่างประเทศแล้ว เราเองก็มีค่าย Melodic Corner ที่เน้นเพลงภาษาอังกฤษโดยเฉพาะ เพื่อรองรับตลาดอินเตอร์ครับ
ถ้า Muzik Move เป็นแบรนด์ ไม่ใช่ค่ายเพลง อยากให้คนจดจำด้วยคำว่าอะไร
จุ๊บ: ผมชอบคำว่า Move ซึ่งมาจากชื่อค่ายของเราเอง เพราะมันให้ความรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวตลอดเวลา ไม่หยุดอยู่กับที่ แต่ทั้งหมดต้องมีความ Sincere หรือความจริงใจ ทั้งกับคนฟังและกับตัวเองด้วย ผมอยากให้ทุกคนจดจำว่าเราเป็นแบรนด์ที่เดินทางไปข้างหน้าพร้อมกับแฟนเพลง ด้วยความจริงใจครับ
การบริหารค่ายที่เต็มไปด้วยศิลปินหลากหลายสไตล์ ใช้วิธี ‘คุม’ หรือ ‘ปล่อย’ อย่างไรให้อยู่ด้วยกันได้
จุ๊บ: แต่ละค่ายก็จะมีแนวเพลงที่แตกต่างกัน สำหรับผมแล้ว สิ่งสำคัญคืออยากให้ศิลปินได้แสดงตัวตนและความสามารถอย่างเต็มที่ แต่ก็ต้องอยู่ในแนวทางที่ Director ของค่ายวางไว้ ส่วนที่ต้องคุมจริงๆ ก็คือเรื่องงบประมาณ ที่จะต้องจัดสรรอย่างลงตัว เพื่อให้ศิลปินทุกคนได้รับโอกาสอย่างทั่วถึงครับ
ในฐานะผู้นำ อยากให้ทีมมองบทบาทของคุณจุ๊บอย่างไร เป็นหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน หรือ โค้ช
จุ๊บ: ถ้าต้องเลือก ผมอยากให้ทีมมองผมเหมือนโค้ช ที่ช่วยวางแผนและนำพาทีมไปสู่ชัยชนะ หรือสู่ความสำเร็จร่วมกัน as a team ครับ
ถ้าเปรียบสไตล์การทำงานของคุณเป็นเพลงหนึ่งเพลง คิดว่าจะเป็นเพลงแนวไหน
จุ๊บ: ผมมองว่าสไตล์การทำงานของผมเหมือนเพลงแนว Fusion Jazz เพราะเป็นการทำงานที่ต้องดึงความหลากหลายของทีมมารวมกัน ขณะเดียวกันก็ต้อง Improvise อยู่เสมอเพื่อสร้างความสดใหม่ แต่ทั้งหมดก็ยังอยู่บนโครงสร้างที่ถูกต้อง เหมือนกับเพลง Jazz ที่มีการด้นสด ความยืดหยุ่น และการปรับตัว แต่ก็ยังคงอยู่บนกรอบของคอร์ด (Chord Progression) เปรียบได้กับการทำงานร่วมกันของผู้บริหาร ทีมงาน และศิลปิน ที่ต่างเติมสีสันของตัวเองลงไป แต่ยังสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันได้อย่างลงตัวครับ
ทุกวันนี้เพลงใหม่เกิดขึ้นเร็วมาก แต่ก็ดับเร็วมากเหมือนกัน มองว่า ‘สูตรลับการทำให้เพลงอยู่ในใจคน’ คืออะไร
จุ๊บ: ถ้าบอกสูตรลับไปก็ไม่เป็นสูตรลับอีกต่อไปสิครับ (หัวเราะ) จริงๆ แล้วไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เนื้อหาของเพลงต้องเป็นเรื่องราวที่คน Relate ได้ และเป็นเพลง Timeless มากกว่าการเป็น Fashion ฟังเมื่อไหร่ก็ยังรู้สึกดี รู้สึกอินไปกับอารมณ์ได้ สิ่งที่จะเสริมให้เพลงมีค่าและอยู่ในใจได้นาน ก็คือคุณภาพ ตั้งแต่นักแต่งเพลง ศิลปิน โปรดิวเซอร์ นักดนตรีที่มาอัดเสียง ไปจนถึงคนที่ดูแล Mix & Mastering ทุกอย่างครบจึงจะทำให้เพลงนั้นเป็นงานที่สมบูรณ์ และ Timeless ได้จริงๆ ครับ
Streaming ทำให้ความสำเร็จของศิลปินถูกวัดด้วย ‘ตัวเลข’ เป็นหลัก คิดว่ามีอะไรอีกบ้างที่สะท้อนความสำเร็จของศิลปิน
จุ๊บ: แน่นอนว่าตัวเลขก็สำคัญครับ ทั้งยอดสตรีม จำนวนผู้ฟังรายเดือน (Monthly Listeners) หรือยอดวิวใน Music Video แต่สิ่งที่ทำให้ศิลปินประสบความสำเร็จจริงๆ ก็คือตัวตนของเขาเอง เพลงดังกว่าศิลปินมีอยู่เยอะ ถ้าจะไปถึงระดับสูงสุด ศิลปินต้องมี Popularity มีแฟนคลับมากมาย มีงานคอนเสิร์ตไม่ขาดมือ จัดคอนเสิร์ตใหญ่ก็ Sold Out สินค้าและแบรนด์ต่างๆ อยากให้ไปเป็น Presenter หรือ Brand Ambassador แต่เหนือสิ่งอื่นใด ถ้าเวลาผ่านไปหลายปี แล้วเพลงของเขายังอยู่ในใจแฟนๆ ทำให้คนมีความสุข หรือช่วยพาใครบางคนผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ แบบนั้นถึงจะเป็นคุณค่าที่แท้จริงสำหรับศิลปินครับ
ศิลปินรุ่นใหม่มักอยาก ‘ไวรัล’ ก่อน ‘ยั่งยืน’ คุณคิดเห็นอย่างไร
จุ๊บ: ถ้าบอกว่าไวรัลมาก่อนยั่งยืน ก็ไม่ผิดสักทีเดียวครับ แต่ทำยังไงให้ได้ทั้งคู่มากกว่า การ Go Viral เป็นเรื่องของความเร็วและความทันสมัย แต่สิ่งที่จะทำให้ศิลปินอยู่ได้นานคือการต่อยอดจากไวรัลไปสู่ความยั่งยืนครับ
ถ้าให้สรุป 10 ปีของ Muzik Move เป็นเพลย์ลิสต์ คุณจะเลือก 3 เพลงไหนมาแทนแต่ละช่วงเวลา
จุ๊บ: ยากเกินไปครับที่จะให้เลือกแค่ 3 เพลง เพราะมีเพลงดีๆ มากมายจากหลายศิลปิน ไม่ว่าจะเป็น Hugo, Dax Rock Rider, Zeal, Season Five, แหนม รณเดช, Pause, อิ้งค์ วรันธร, เอิ๊ต ภัทรวี, ETC., Burin, Indigo, Serious Bacon, The Mousses
มาจนถึงล่าสุดกับ Zom Marie และ Bonnadol ที่เพิ่งมาอยู่กับเราในปีที่ 10 พอดี เราจึงแต่งเพลงขึ้นมาใหม่เพื่อฉลอง 10 ปีของ Muzik Move เพลงนี้มีชื่อว่า ‘คนโปรด (Close Friend)’ ที่ Produce โดยคุณพล คชภัค และขับร้องโดยศิลปินมากมายจากทุกค่าย และพิเศษตรงที่มีศิลปินรุ่นใหม่หลายคนเข้ามามีส่วนร่วมในการแต่งเนื้อร้องและทำนอง ทำให้เพลงนี้ไม่ใช่แค่การเฉลิมฉลอง แต่เป็นการส่งต่อพลังและความคิดสร้างสรรค์จากศิลปินรุ่นใหม่ไปพร้อมกันด้วยครับ
ถ้ามองย้อนกลับไป คิดว่าอะไรคือสิ่งที่เป็น ‘ตัวตนของวุฒินันต์’ ที่หลอมรวมอยู่ใน Muzik Move มากที่สุด
จุ๊บ: ผมเองก็เริ่มจากการเป็นศิลปินมาก่อน ผ่านการทำงานกับหลายค่าย จึงเข้าใจทั้งสองฝั่ง ทั้งฝั่งศิลปินและฝั่งผู้บริหาร สิ่งที่ผมใส่ลงไปไม่ใช่แค่ Passion ในเสียงดนตรี แต่คือการสร้างรากฐานที่มั่นคงให้ศิลปินและทีมงานได้ยืนหยัดและเติบโตไปด้วยกัน วันนี้ผมมีพนักงานเกินร้อย และศิลปินกว่า 50 ศิลปิน เราไม่ได้ทำเพื่อแค่วันนี้ แต่เพื่ออนาคต ที่ดนตรีของเรายังสามารถส่งพลัง สร้างแรงบันดาลใจ และอยู่ในหัวใจผู้ฟังตลอดไปครับ


