ฟุตบอลโลก 2022 เป็นเกมการแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่ม (กลุ่ม D นัดที่ 3) ที่สนามเอดูเคชัน ซิตี้ สเตเดียม โดยตูนิเซียมาในชุดสีขาว พบกับฝรั่งเศสในชุดสีน้ำเงิน
โดย 11 ผู้เล่นของตูนิเซียมาในระบบ 3-4-2-1 ประกอบด้วย อายเมน ดาห์เมน (GK), เนเดอร์ กันดรี, แยสซีน เมเรียห์, มอนทาสซาร์ ทาลบี, วาจดี เคชริดา, อาลี มาลูล, เอสซา ไลดูนี, เอลลิส สคิรี, อานิส เบน สลิมาเน, โมฮาเหม็ด อาลี เบน รอมดาน และ วาห์บี คาซรี
ส่วนฝรั่งเศสมาในระบบ 3-4-2-1 ประกอบด้วย สตีฟ ม็องด็องดา (GK), ราฟาแอล วาราน, อิบราฮิมา โกนาเต, แอกเซิล ดิซาซี, เอดูอาร์โด คามาวิงกา, โอเรลีแย็ง ชูอาเมนี, ยุสซุฟ โฟฟานา, มัตเตโอ เกวนดูซี, จอร์แดน เวเรตูร์, คิงสลีย์ โกม็อง และ ร็องดาล โคโล มัวนี
เกมครึ่งแรกเริ่มมาถึงนาทีที่ 7 จากจังหวะฟรีคิกของตูนิเซียโยนเข้ามาในกรอบเขตโทษ แล้วเป็น เนเดอร์ กันดรี ยื่นขาเปลี่ยนทางบอลเข้าประตูไป แต่ทว่าจับล้ำหน้าไปก่อนจึงพลาดประตูขึ้นนำ
นาทีที่ 24 จังหวะสวนกลับของฝรั่งเศส โฟฟานาผ่านบอลให้โกม็องได้โอกาสทำประตู แต่สุดท้ายยิงหลุดเสาแรกออกไปเอง
หลังจากนั้นเกมเป็นฝั่งตูนิเซียได้ครองบอลบุกเป็นส่วนใหญ่ แต่ยังจบสกอร์ไม่ได้ ทำให้ทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่ 0-0
นาทีที่ 58 เนเดอร์ กันดรี ไปแย่งบอลมาจากผู้เล่นของฝรั่งเศส ก่อนผ่านบอลให้ วาห์บี คาซรี ได้วิ่งหาช่องและยิงผ่านเท้าซ้ายม็องด็องดา ช่วยให้ตูนิเซียได้ประตูสำคัญออกนำก่อน 1-0
หลังจากนั้น ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ เริ่มส่งผู้เล่นตัวหลักอย่าง อองตวน กรีซมันน์ และ คีเลียน เอ็มบัปเป ลงมาแก้เกม แต่ฝั่งตูนิเซียยังตั้งรับกันเหนียวแน่น
นาทีที่ 81 อุสมาน เดมเบเล ที่ลงมาเป็นตัวสำรอง ได้โอกาสซัดจากระยะไกล แต่บอลยังไปเข้าซองของ อายเมน ดาห์เมน
หลังจากนั้นเป็นฝรั่งเศสโหมบุกอย่างหนัก และส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายได้สำเร็จในนาทีที่ 90+8 จากจังหวะที่แนวรับโหม่งสกัดบอลพลาดมาเข้าทางกรีซมันน์ ได้ลงโทษหน้ากรอบเขตโทษเข้าไปไม่พลาด ทว่าผู้ตัดสินเช็กภาพย้อนหลังจาก VAR ปรากฏว่ากรีซมันน์ถูกจับล้ำหน้าเสียก่อน
ทำให้จบเกมตูนิเซียเอาชนะฝรั่งเศสไป 1-0 โดยที่ฝรั่งเศสแม้จะแพ้เกมนี้แต่ยังเข้ารอบน็อกเอาต์ในฐานะแชมป์กลุ่ม D
ส่วนตูนิเซียที่ได้ 3 แต้มจากเกมนี้ ก็ไม่มีเพียงพอต่อการเข้ารอบ เนื่องจากอีกสนามเป็นออสเตรเลียที่เก็บ 3 แต้มเหนือเดนมาร์ก ทำให้ตูนิเซียยุติเส้นทางฟุตบอลโลกด้วยการเป็นอันดับที่ 3 ของกลุ่ม