หลังจากที่ภาครัฐบาล นำโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการกีฬาแห่งประเทศไทย ได้จับมือกับ 9 องค์กรผู้ร่วมสนับสนุน ปิดดีลซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 โดยได้มอบลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดให้กับทรูวิชั่นส์เป็นผู้ถือลิขสิทธ์หลัก พร้อมถ่ายทอดสดผ่านระบบฟรีทีวี ได้แก่ ทรูโฟร์ยู ช่อง 24, อมรินทร์ทีวี ช่อง 34 และ ททบ. 5 ช่อง 1
ล่าสุดทางทรูวิชั่นส์ได้แถลงข่าวเปิดตัวกล่อง TrueVisions 4K Ultra HD โฉมใหม่ เพื่อรองรับการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกผ่านระบบ 4K Ultra HD เป็นครั้งแรกในประเทศไทย สำหรับสมาชิกแพลทินัมและโกลด์แพ็กเกจครบทั้ง 64 แมตช์ โดยจะเริ่มถ่ายทอดสดผ่านระบบ 4K ตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกในระบบ HD ความละเอียด 1080i ผ่านช่องทรูสปอร์ต เอชดี 2 และ 3 เป็นเวลา 24 ชั่วโมงตลอดการแข่งขัน ตั้งแต่นัดแรกในวันที่ 14 มิถุนายน ถึงนัดชิงชนะเลิศ 15 กรกฎาคมอีกด้วย
ความชัดของ 4K หรือ Ultra High Definition มีความละเอียด 3840 x 2160 พิกเซลบนจอไวด์สกรีน ผลรวมประมาณ 8.29 ล้านพิกเซล ซึ่งนายศึกษิฐ ชลศึกษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด ได้เผยว่า หากเปรียบเทียบ HD เป็นเหมือนภาพวาด ระบบ 4K เป็นเหมือนกับการเปิดหน้าต่างออกไปดูสิ่งที่อยู่ข้างนอก เนื่องจากความคมชัดใกล้เคียงกับความเป็นสามมิติ
การแถลงครั้งนี้ของทรูวิชั่นส์นับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยและอาเซียนที่แฟนบอลสามารถรับชมการแข่งขันผ่านระบบ 4K ซึ่งคือระบบการถ่ายทอดสดกีฬาที่ชัดมากกว่าระบบ HD ถึง 4 เท่า และชัดกว่าระบบมาตรฐานเดิมถึง 20 เท่า ซึ่งหากจะสามารถรับชมได้เต็มประสิทธิภาพ ผู้รับชมจำเป็นต้องมีกล่องรับสัญญาณและทีวีขนาด 55 นิ้วเป็นอย่างต่ำที่รองรับสัญญาณ 4K
ประเทศไทยนับเป็นหนึ่งใน 15 ประเทศที่ถ่ายทอดสดผ่านระบบนี้ ขณะที่ BBC ผู้ได้รับสิทธิ์ถ่ายทอดสดเพียงเจ้าเดียวในประเทศอังกฤษผ่านทีวี วิทยุ และออนไลน์ ล่าสุดในการแถลงช่องทางถ่ายทอดสดทั้ง 64 นัดยังเป็นเพียงการถ่ายทอดสดผ่านทางระบบ HD เท่านั้น
ขณะที่การถ่ายทอดสดการแข่งขันจากสนามที่ประเทศรัสเซีย ทางฟีฟ่าจะทำการถ่ายทอดผ่านระบบ 4K HDR ทุกแมตช์ พร้อมด้วยกล้องถ่ายทำแบบ 4K ทั้งหมด 37 ตัวต่อ 1 แมตช์ และ 8 ตัวในนั้นจะเป็นกล้องซูเปอร์สโลว์โมชัน พร้อมกับกล้องมุมสูง Cineplex
