ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นกลุ่มทีวีดิจิทัลเช้านี้บวกสวนตลาด นำโดย บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK บวก 8.02% ทำราคาเพิ่มขึ้น 0.75 บาท มาอยู่ที่ 10.10 บาท มูลค่าการซื้อขาย 92 ล้านบาท บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC บวก 9.45% ทำราคาเพิ่มขึ้น 0.38 บาท มาอยู่ที่ 4.40 บาท มูลค่าการซื้อขาย 48 ล้านบาท
นีลเส็น (Nielsen) เปิดเผยรายงาน ‘โควิด-19 และสถานการณ์ของสื่อในประเทศไทย’ ที่ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมสื่อในประเทศไทยและอีกหลายประเทศทั่วโลก โดยผลสำรวจพบว่าผู้คนส่วนใหญ่กังวลกับสถานการณ์โควิด-19 และกว่า 50% คิดว่าสถานการณ์จะยาวนานถึง 6 เดือน และพบว่าการบริโภคสื่อในบ้านมีอัตราเพิ่มมากขึ้น เพราะการรณรงค์ให้คนไทยหยุดอยู่บ้านส่งผลให้มีการดูทีวีมากขึ้น โดยพบว่าจากเดิมมีการรับชมทีวีอยู่ที่ 4.03 ชั่วโมงต่อวัน แต่ช่วงต้นเดือนมีนาคมกลับพบว่ามีการรับชมทีวีเพิ่มเป็น 4.31 ชั่วโมงต่อวัน ในด้านสื่อดิจิทัลเองก็มีการรับชมเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่มี 712 ล้านวิวต่อสัปดาห์ โดยช่วงต้นเดือนมีนาคมมีการรับชมเพิ่มเป็น 994 ล้านวิวต่อสัปดาห์
ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ กสทช. ได้มีมติปรับลดอัตราการนำส่งเงินรายปีเข้ากองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ USO Fee สำหรับผู้ประกอบกิจการดิจิทัลทีวีและผู้ประกอบกิจการกระจายเสียงเป็นแบบขั้นบันได
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุ BEC ได้ประโยชน์มากที่สุดจากมาตรการเยียวยาของ กสทช. เชื่อว่าจะส่งเซนทิเมนต์เชิงบวกต่อราคาหุ้นทีวีดิจิทัล โดยเบื้องต้นได้ประเมิน Cost Saving ของผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ได้แก่ BEC, WORK และ RS โดยอิงตามประมาณการรายได้ทีวีดิจิทัล ปี 2020 สำหรับผู้ได้ประโยชน์จากการปรับ USO Fee เรียงลำดับจากมากไปน้อยคือ BEC (ถือ/เป้า 4.90 บาท), WORK (ถือ/เป้า 11.00 บาท) และ RS (ซื้อ/เป้า 13.00 บาท) ทั้งนี้เคทีบียังคงให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มมีเดียที่ ‘น้อยกว่าตลาด’ โดยมองว่าการระบาดของโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการกลุ่มมีเดีย โดยเฉพาะกลุ่มทีวีดิจิทัลในช่วงประมาณการครึ่งปีแรก 2020 คาดปรับตัวลง YoY
ด้าน บล.โนมูระ พัฒนสิน มีมุมมองลบต่อผลประกอบการคาดการณ์ไตรมาส 1/2020 ของ BEC คาดว่ามีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิต่อเนื่องที่ -132 ล้านบาท (ใกล้เคียง Y-Y แต่ดีขึ้น Q-Q จากไตรมาสก่อนหน้ามีค่าใช้จ่ายพิเศษ) เนื่องจากคาดว่ารายได้ค่าโฆษณาลดลง -18% Y-Y ตามการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจและได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในช่วงปลายไตรมาส และยังไม่รวม Downside Risk จากการหยุดออกอากาศระบบอะนาล็อก (25 มีนาคม) อาจทำให้มีค่าใช้จ่ายพิเศษ คาดการณ์แนวโน้มไตรมาส 2/2020 มีผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่องจากการได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เต็มไตรมาส โดยคงคำแนะนำ Reduce เนื่องจาก
1. ราคาหุ้นสะท้อนโอกาสได้ประโยชน์จากมาตรการช่วยเหลือแล้ว
2. ผลประกอบการยังมีแนวโน้มอ่อนแอ
3. มีความเสี่ยงนโยบายดำเนินงานขาดความต่อเนื่อง
รายงาน: ชุติมา อภิชัยสุขสกุล
เรียบเรียง: จำเนียร พรทวีทรัพย์
ติดตามข่าวสารการลงทุนเพิ่มเติมได้ที่: www.efinancethai.com
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์