×

วิทยาบอก ยังไม่มีสัญญาณปรับ ครม. ขอรวมไทยสร้างชาตินิ่ง นายกฯ มีอำนาจ ขู่ให้ลาออกเจอยุบสภาแน่ ด้านชัยชนะเสนอปัญหาชาวนครฯ

โดย THE STANDARD TEAM
08.04.2024
  • LOADING...
วิทยา แก้วภราดัย

วันนี้ (8 เมษายน) ที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช วิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติว่า โดยปกติการจะปรับ ครม. จะกระทบเฉพาะพรรคแกนนำรัฐบาล ตนคิดว่าเป็นเรื่องภายในพรรค ซึ่งดูจากกระแสแล้วภายในพรรคเพื่อไทยมีความจำเป็นต้องปรับ ครม. เพราะมีบุคคลที่เหมาะสมและตกค้างขบวนหลายคน แต่การจะปรับกระทบไปถึงพรรคอื่น สิ่งที่ต้องทำคือตัวนายกรัฐมนตรีเองจะต้องมีการหารือกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ในส่วนที่มีความประสงค์จะปรับ ครม. ตนได้คุยกับหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่านบอกยังไม่มีสัญญาณอะไรมาถึง ฉะนั้นขอให้ทุกคนในพรรคอยู่นิ่งๆ เพราะยังไม่มีเรื่องของการปรับ ครม. แน่นอน หากจะมีคนที่รู้คนแรกคือหัวหน้าพรรค

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากจะมีการปรับ ครม. จริง วิทยากล่าวว่า จะมีการประเมิน ครม. ในส่วนของพรรคแน่ แต่ตอนนี้รัฐมนตรีเพิ่งเริ่มทำงานได้ไม่กี่วัน และบางคนทำงานได้ดี แต่อาจมีบุคลิกที่พูดน้อยก็ต้องปรับปรุง ขณะที่หัวหน้าพรรคก็พยายามแลกเปลี่ยนกับทุกคนมาตลอด แต่ตนคิดว่ามาถึงวันนี้อารมณ์ของคนในพรรคไม่ได้มีความกระตือรือร้นในเรื่องของการปรับ ครม. เพราะคิดว่าไม่เกี่ยวกับเรา 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนตั้ง ครม. ครั้งแรกมีเงื่อนไขหรือข้อตกลงว่าจะเป็นรัฐมนตรีกันกี่เดือน วิทยากล่าวว่า ไม่ได้มีการพูดเงื่อนไขเวลา แต่บอกทุกคนว่าทุกอย่างมีการปรับเปลี่ยนได้ ไม่เคยมีการกะเกณฑ์ไว้ว่า 3 เดือน หรือ 6 เดือน ต้องเปลี่ยน 

 

เมื่อถามถึงกรณีที่แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ออกมาเปิดเผยว่า จะมีอดีต สส. หรือสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ไหลกลับมาในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ วิทยากล่าวว่า ตนเป็นคนหนึ่งที่เคยอยู่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติก็เคยอยู่ แต่เท่าที่ฟังดูยังไม่มีอารมณ์อย่างนั้น และมีไม่กี่คนที่ยังเป็น สส. ในวันนี้ ส่วนคนของพรรคประชาธิปัตย์จะมาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติเพิ่มหรือไม่นั้นอันนี้ไม่แน่ เพราะยังอีกยาว คิดว่าการเคลื่อนไหวจะเกิดขึ้นจริงก็ตอนใกล้ๆ ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในยุบสภา ซึ่งบรรยากาศทางการเมืองในวันนี้มีการพูดถึงเรื่องการปรับ ครม. แต่ยังไม่พูดถึงเรื่องการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี แต่ถ้าคิดถึงการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีเมื่อไรก็จะมาคู่กับการยุบสภา เพราะนายกรัฐมนตรีมีอำนาจยุบสภาได้และคิดเปลี่ยนได้ วันนี้คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องการปรับเปลี่ยนภายในพรรคแกนนำมากกว่า แต่หากมากกว่านั้นจะสะเทือนองคาพยพทั้งหมด 

 

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มองอย่างไรในบรรยากาศวันนี้ที่ดูเหมือนมีนายกรัฐมนตรี 3 คน วิทยากล่าวว่า “คิดว่าเป็นเรื่องที่พูดไป แต่ต้องยอมรับความจริงว่านายกรัฐมนตรีมีคนเดียวคือ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และท่านไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีเล่นๆ หรือเป็นตัวแทนใคร วันนี้ไม่มีใครใหญ่กว่าท่าน เชื่อว่าท่านมีความเป็นตัวของตัวเองค่อนข้างสูง จากการที่ติดตามมาไม่ใช่คนที่ว่าจะฟังใครง่ายๆ ลองขู่ให้ท่านลาออกสิ ผมคิดว่าอาจจะเจอดาบเชือดคอ หากท่านยุบสภาจะว่าอะไรได้ อำนาจมีอยู่ในมือนายกรัฐมนตรีที่จะยุบสภามากกว่าการลาออก ถ้าจะให้นายกรัฐมนตรีลาออกจริงๆ ก็ต้องเอานายกรัฐมนตรีให้ติดคุก หลุดจากตำแหน่ง แต่หากจะใช้วิธีกดดันทางการเมือง ผมคิดว่าไม่มีทาง เราเคยเจอมามีการขู่นายกรัฐมนตรี รับปากว่า 7 วันจะลาออก พอวันที่ 5 ท่านยุบสภาเลย ผมเจอมาแล้ว เพราะอำนาจนายกรัฐมนตรีมีจริง หากฟังเล่นๆ มองว่าใช้เมื่อไรก็ได้ ผมว่าไม่จริง” วิทยากล่าว

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จากการอภิปรายที่ผ่านมาดูเหมือนไม่ค่อยมีอะไร ไม่เหมือนการเมืองยุคเก่า วิทยากล่าวว่า มันเป็นท่าทีของฝ่ายค้านว่าสวมวิญญาณของฝ่ายค้านเสร็จหรือยัง การอภิปรายถึงจะเป็นอะไรขึ้นจริง คงมีไม่กี่ท่านที่มีจิตวิญญาณฝ่ายค้านจริงๆ เหมือนที่เราประเมินว่าดูเหมือนอยากเป็นรัฐบาลมากกว่าเป็นฝ่ายค้าน

 

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หากมีการส่งสัญญาณมาจากพรรคแกนนำรัฐบาลในการปรับ ครม. พรรครวมไทยสร้างชาติจะนำมาพิจารณาปรับในสัดส่วนของพรรคด้วยหรือไม่ วิทยากล่าวว่า ยัง เพราะขณะนี้ยังไม่มีใครรู้ ถ้าจะให้พรรคไหนปรับอะไรขณะนี้ประเมินได้อย่างเดียวคือ เป็นเรื่องของพรรคแกนนำ ซึ่งเขาอาจจะต้องปรับขบวน เพราะมีนักการเมืองรุ่นใหญ่ๆ ตกขบวนหลายคน

 

เมื่อถามย้ำว่า หากมีการส่งสัญญาณปรับ ครม. พรรครวมไทยสร้างชาติจะปรับในส่วนของพรรคหรือไม่ วิทยากล่าวว่า ต้องมีการหารือกัน ซึ่งหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติมีความเป็นประชาธิปไตยสูง เพราะฉะนั้นท่านต้องหารือ หากจะมาชี้ว่าจะเอาคนโน้นคนนี้ออกก็ต้องมีคำอธิบาย ซึ่งคนที่ทำงานโดดเด่นอย่างหัวหน้าพรรคอาจจะไปเตะโดนหม้อข้าวหม้อแกงใครบ้างในเรื่องพลังงาน หากจะเอาท่านออกประชาชนคงรับไม่ได้

 

ผู้สื่อข่าวถามย้ำอีกว่า พูดเช่นนี้แสดงว่ามีกระแสข่าวมาใช่หรือไม่ วิทยาปฏิเสธตอบคำถาม โดยกล่าวเพียงว่า ไม่ ตนพูดไปจากที่ฟังจากสื่อและการวิเคราะห์ รวมถึงประเมินตามความเป็นจริง 

 

และเมื่อถามว่า ในส่วนของกระทรวงพลังงานจะมีคนนอกที่เป็นกลุ่มนายทุนพรรคเข้ามาหรือไม่ วิทยากล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพราะออกมาจากการประเมิน ฉะนั้นถ้าออกจากการประเมินก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ และจากที่ตนอ่านหนังสือพิมพ์ ฟังจากโทรทัศน์ทุกช่อง ก็เห็นวิเคราะห์กันผิด 100 ครั้งก็ยังวิเคราะห์อยู่ ตั้งแต่ตั้งรัฐบาลมา ตนขอให้เลิกวิเคราะห์เถอะ หากมีข้อมูลจริงก็ขอให้นำมาพูดคุยกัน ฉะนั้นการที่จะมีการปรับใครออก ไม่ใช่ที่ตนพูดหรือสื่อวิเคราะห์กันไปเอง ไม่เช่นนั้นก็จะสนุกและผิดกันได้ทุกวัน ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร และคนฟังก็กระเตื้องไปเรื่อยๆ 

 

ชัยชนะยัน รับนายกฯ ไร้นัยทางการเมือง 

 

ด้าน ชัยชนะ เดชเดโช สส. นครศรีธรรมราช ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาร่วมรับนายกรัฐมนตรีในระหว่างการลงพื้นที่ พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ตนเองมาในฐานะ สส. นครศรีธรรมราช จึงมาต้อนรับในฐานะที่เป็นเจ้าของพื้นที่ เนื่องจากนายกรัฐมนตรีมาลงพื้นที่ ยืนยันว่าไม่มีเรื่องการเมือง ยังเป็นฝ่ายค้านเหมือนเดิม ทั้งนี้ เมื่อเป็นตัวแทนของชาวนครศรีธรรมราชก็จะพูดคุยเรื่องการพัฒนาจังหวัด เช่น การนำพระธาตุสู่มรดกโลก เพราะต้องผลักดันให้ได้ ดันอำเภอทุ่งสงเป็นศูนย์กระจายสินค้า และต้องมีด่านศุลกากรให้ได้ รวมถึงถนนวงแหวนรอบนอกก็ต้องทำให้แล้วเสร็จ และแหล่งท่องเที่ยวคีรีวง ก็ต้องทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวให้ได้ ย้ำว่าต้องทำให้ได้จริงๆ ไม่มีนัยทางการเมือง

 

พร้อมย้ำว่า ไม่ได้มาเพราะมีข่าวที่จะร่วมรัฐบาล ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ตนจี้ให้นายกรัฐมนตรีเปิดชื่อคนที่ปล่อยข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์จะร่วมรัฐบาล เพราะเชื่อว่านายกรัฐมนตรีทราบอยู่แล้ว

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X