×

พยานคดีฮั้ว สว. ขอกลับคำให้การกับ DSI ยืนยันไม่มีโพยฮั้ว สว. จริง แต่ถูกบังคับข่มขู่ให้การเท็จ

โดย THE STANDARD TEAM
11.11.2025
  • LOADING...
พยานคดีฮั้ว สว. ขอกลับคำให้การกับ DSI ยืนยันไม่มีโพยฮั้ว สว. จริง แต่ถูกบังคับข่มขู่ให้การเท็จ

วันนี้ (11 พฤศจิกายน) มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา พยานรายหนึ่งได้ทำหนังสือบันทึกคำให้การเพิ่มเติม ในคดีการฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) 2567 ส่งถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) โดยส่วนบริหารระบบงานคดีพิเศษได้ลงเลขรับไว้เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2568

 

พยานคนดังกล่าวจากจังหวัดขอนแก่นซึ่งเคยให้การต่อ DSI ในคดีฮั้วเลือก สว. มาแล้ว แต่ประสงค์จะกลับคำให้การของตนเอง โดยอ้างว่า คำให้การในครั้งก่อนเกิดจากการถูกบุคคลบังคับขู่เข็ญให้ถ้อยคำใส่ร้ายตามบทที่กำหนดไว้ และยืนยันว่าความจริงแล้วไม่มีการจัดทำโพยฮั้วการเลือกตั้ง สว. ตามที่ตนเองเคยให้การไว้แต่อย่างใด

 

ใจความในหนังสือบันทึกคำให้การ ระบุว่า

 

ข้าพเจ้าจึงขอให้การยืนยันว่า คำให้การของข้าพเจ้าในบันทึกคำให้การคดีพิเศษที่ …. เป็นการให้การอันเกิดจากการถูกข่มขู่ ข้าพเจ้าจึงขอให้การใหม่ดังนี้

 

1. ข้าพเจ้าเคยเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย และมีความขัดแย้งกับพรรคอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ชายคนดังกล่าวจึงเข้ามาแจ้งให้ข้าฯ ทราบว่า ข้าฯ จะต้องถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองจากพรรคภูมิใจไทยในอนาคต รวมถึงบุตรชายของข้าฯ ด้วย

 

ชายคนดังกล่าวอ้างว่ารู้จักคนในรัฐบาล และยังได้อ้างว่าเขาสามารถช่วยเหลือให้ ข้าฯ หลุดพ้นจากข้อหาได้โดยเปลี่ยนข้าฯ จากผู้ต้องหามาเป็นพยานในคดี แต่มีเงื่อนไขว่าข้าฯ จะต้องให้การตามบทที่ได้กำหนดไว้ มิเช่นนั้นข้าฯ จะต้องหมดอนาคตทางการเมือง รวมถึงจะมีคดีความติดตามข้าฯ และบุตรชาย ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวข้าฯ และบุตรชายได้ถูก ร้องเรียนจากหน่วยงานต่างๆ จริง ข้าฯ จึงเกิดความกลัวเป็นอย่างมาก โดยคำให้การดังกล่าวถือว่าข้าฯ ได้ให้การในฐานะผู้ต้องหาในคดีนี้

 

2. บุคคลดังกล่าวยืนยันว่ารัฐบาลมีแผนจะใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานของรัฐ เป็นเครื่องมือทำลายล้างและใส่ร้ายทางการเมืองกับพรรคภูมิใจ ไทย โดยขณะนี้มีการเตรียมการสร้างพยานหลักฐานเพื่อใส่ร้ายว่าข้าพเจ้ามีส่วนร่วมในการฮั้วการเลือก สว. โดยข้าพเจ้าต้องพ้นตำแหน่ง สส. และรับโทษทางอาญา

 

แต่หากถูกกันตัวไว้เป็นพยานของคณะกรรมการคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ข้าฯ จะไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา และไม่ต้องกลัวเรื่องการให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน เนื่องจากรัฐบาลได้ควบคุม หน่วยงานของรัฐต่างๆ ไว้หมดแล้ว ทั้งยังอ้างว่ามีผู้ให้ความร่วมมือจำนวนมากแล้ว เนื่องจากบางส่วนได้รับผลประโยชน์ตอบแทน และบางส่วนถูกข่มขู่จนเกรงกลัวอิทธิพลของรัฐบาล

 

พร้อมทั้งกำชับให้ข้าพเจ้าเก็บเป็นความลับ จะมีการเล่นงานทางการเมือง เป็นเหตุให้ข้าพเจ้าเกิดความกลัวและยินยอมให้ความร่วมมือเพื่อป้องกันภยันตรายต่อตนเองและครอบครัว รวมทั้งบุตรของข้าฯ

 

3. ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าตามคำให้การที่ข้าพเจ้าได้ให้ไว้นั้น ความจริงแล้วไม่มีบุคคลใดกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีการจัดทำโพยฮั้วการเลือกตั้ง สว. ตามที่ข้าพเจ้าเคยให้การไว้แต่อย่างใด

 

ข้าพเจ้าได้ให้การไปตามบทที่อ้างว่ามีการคิดคำนวนทางคณิตศาสตร์ไว้ ข้าฯ สันนิษฐานว่าผู้สมรู้ร่วมคิดอาจนำคลิปการนับคะแนนไปให้ผู้เชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์ แล้วจัดสร้างโพยฮั้วขึ้นมา เพื่อเป็นพยานหลักฐานเท็จให้สอดคล้องกับผลการเลือกตั้ง เพราะไม่มีประจักษ์พยาน และไม่มีการยึดโพยได้จากผู้สมัครรับเลือก สว. รายใด เป็นพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นภายหลังการเลือกตั้ง ซึ่งผู้ใดก็จัดทำขึ้นได้

 

ในส่วนพยานบุคคล ข้าพเจ้าเชื่อว่ามีหลายคนได้ถูกว่าจ้างหรือถูกข่มขืนใจ บังคับเข็ญ ล่อลวงหรือกระทำการโดยมิชอบด้วยประการใดๆ เช่นเดียวกับข้าพเจ้าที่ถูกบังคับ เข็ญ เพื่อจัดตั้งบุคคลมาให้การเป็นพยานเท็จตามที่มีการสมคบคิดวางแผนไว้อย่างเป็นกระบวนการ

 

4. ผลของการแทรกแซงหน่วยงานของรัฐข้างต้น และพยายามใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งทางการเมืองกับพรรคภูมิใจไทย เป็นเหตุให้ สว. รวมชื่อร้องศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวหาว่ามีการฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง จนเป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญมีมติสั่ง ให้ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (ในขณะนั้น) หยุดปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเฉพาะในฐานะผู้กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ และรองประธานกรรมการคดีพิเศษ

 

5. เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ข้าพเจ้ารู้สึกในความปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ทรัพย์สิน ชื่อเสียง ของตนเองและครอบครัว เนื่องจากกลุ่มคณะบุคคลที่สมรู้ร่วมคิดซึ่งมีการข่มขืนใจ บังคับเข็ญ ล่อลวง ให้ข้าพเจ้าให้ถ้อยคำใส่ร้ายพรรคภูมิใจไทยไม่ได้มีอำนาจในรัฐบาลแล้ว จึงเป็นเหตุที่ข้าพเจ้าต้องการแก้ไขข้อความให้ตรงกับความเป็นจริง จึงขอให้ถ้อยคำเพิ่มเติมเป็นหนังสือเพื่อแก้ไขข้อความดังกล่าวต่อไป

 

“ข้าพเจ้าขอยืนยันว่ามิได้มีเจตนาใส่ร้ายบุคคลอื่นให้เสื่อมเสียต่อชื่อเสียง และมิได้เจตนาจะให้การเท็จต่อเจ้าพนักงานซึ่งมีอำนาจสืบสวนสอบสวนเพื่อให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดให้รับโทษทางอาญา แต่การให้ ถ้อยคำของข้าพเจ้าเกิดจากการถูกข่มขืนใจ บังคับ ขู่เข็ญ ล่อลวง”

 

ข้าพเจ้าให้ถ้อยคำพาดพิงใส่ร้ายตามบทที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า และข้าพเจ้าขอยืนยันว่าถ้อยคำของข้าพเจ้าในครั้งนี้ เป็นความสัตย์จริงทุกประการ คำให้การใดๆ ที่ขัดหรือแย้งกับคำให้การครั้งนี้ ให้ถือคำให้การครั้งนี้ เป็นคำให้การที่ถูกต้องและเป็นความสัตย์ จริงทุกประการ และข้าพเจ้าไม่ประสงค์ให้ถ้อยคำเพิ่มเติมแต่อย่างใด

 

อนึ่ง ข้าพเจ้าได้แจ้งความร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่นไว้แล้ว

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising