วันนี้ (20 มิถุนายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงไทม์ไลน์ของการได้รัฐบาลใหม่ภายหลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรองสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จะเป็นอย่างไรว่า ขั้นตอนแรกต้องให้ ส.ส. รายงานตัวระหว่างวันที่ 20-24 มิถุนายน แต่ความเป็นจริงต้องใช้เวลา 7 วัน เมื่อมีการรายงานตัว สภาจะแจ้งกลับมายังรัฐบาลว่ามี ส.ส. เข้ามารายงานตัวในจำนวนที่มากพอ จากนั้นจะนำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานวันเพื่อประกอบรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา และการเลือกประธานสภาจะเกิดขึ้นหลังรัฐพิธี 10 วัน ซึ่งปกติมักจะดำเนินการเร็วขึ้นกับที่จะกำหนดกัน และรอเวลาสองสามวันเพื่อรอการโปรดเกล้าฯ ประธานสภา
หลังจากนั้นอำนาจจะอยู่ที่ประธานสภาว่าจะเลือกนายกรัฐมนตรีเมื่อไรก็แล้วแต่ ซึ่งไม่มีกรอบเวลากำหนดไว้ว่าต้องดำเนินการในกี่วัน และไม่ได้ระบุว่าต้องทำได้ภายในกี่ครั้ง เมื่อเลือกนายกฯ ได้ก็ต้องตั้งคณะรัฐมนตรี เมื่อรัฐมนตรีเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ รัฐบาลชุดนี้ก็จะพ้นไป ซึ่งไทม์ไลน์ที่ตนแจ้งคณะรัฐมนตรีไว้เป็นการประมาณการเปรียบเทียบกับอดีต โดยจะเป็นช่วงปลายเดือนกรกฎาคมหรือต้นสิงหาคม ซึ่งเร็วกว่าที่เราคิด และตนไม่สามารถตอบกรอบเวลาที่ชัดเจนได้ เนื่องจากมีการผูกกับกรอบเวลาการเสด็จพระราชดำเนินเปิดประชุมรัฐสภา การโปรดเกล้าฯ ประธานสภาคนใหม่ รวมถึงการกำหนดเลือกนายกฯ จะเสร็จสิ้นเมื่อใด กี่รอบ กี่หน ซึ่งควบคุมไม่ได้ และไม่ควรไปควบคุมด้วย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้คือการเลือกนายกฯ ใช่หรือไม่ เพราะมี ส.ว. ออกมาตั้งกำแพงต้าน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล วิษณุกล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าเป็นกำแพงหรือไม่ ก็เห็นข่าวว่าดูดีขึ้นแล้วไม่ใช่หรือ ก็ดีใจด้วย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหากการเลือกนายกฯ ไม่มีกรอบเวลา จะช่วยลดข้อครหาว่ายื้อการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง วิษณุกล่าวว่า ไม่มีไม่ยื้อ ถึงอย่างไรการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงต้องขอ กกต. และ กกต. ก็ไม่อนุญาตมาแล้วหลายรอบ เอาไว้รอดูว่านานหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่มีแววว่าจะนาน ก็รอรัฐบาลใหม่เข้ามาก็แล้วกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าในสถานการณ์การเมืองขณะนี้บทบาทประธานสภาฯ แตกต่างจากในอดีตหรือไม่ วิษณุกล่าวว่า ในเชิงการเมืองนัยอาจมีความแตกต่างกัน แต่เชิงกฎหมายอำนาจหน้าที่เหมือนกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหลักการการเลือกประธานสภาต้องได้เสียงเท่าไร วิษณุกล่าวว่า ต้องได้เสียงข้างมากของสมาชิกที่มาประชุม และ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าตามข้อบังคับการประชุมสภา การเลือกประธานสภาต้องลงมติลับหรือไม่ วิษณุกล่าวว่า ต้องว่าไปตามข้อบังคับ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหากลงมติลับจะมีการหักหลังกันได้หรือไม่ วิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหาก กกต. รับรอง ส.ส. แล้วช่องทางการยื่นตรวจสอบคุณสมบัติ ส.ส. ตามมาตรา 82 กกต. สามารถทำได้เองหรือต้องรอให้มีคนมาร้องกับ กกต. ก่อน วิษณุกล่าวว่า ได้ทุกรูปแบบ ขอให้ไปดูรัฐธรรมนูญก็แล้วกัน มาตรา 170 กับมาตรา 82 ส.ส., ส.ว. หรือ กกต. ได้ทั้งนั้น โดยในส่วนของ ส.ส. ยื่นได้หลังปฏิญาณตนที่ พล.ต.อ. วิโรจน์ เปาอินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่อาวุโสสูงสุดจะทำหน้าที่ประธานชั่วคราว และนำปฏิญาณตน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหากศาลสั่งให้พิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ในช่วงการโหวตนายกฯ ประธานสภาจะมีทางออกอย่างไรบ้างเพราะเป็นผู้รับผิดชอบ วิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าประธานสภาควรพักการประชุมวาระดังกล่าวจนกว่าศาลจะตัดสินจะปลอดภัยกว่าหรือไม่ วิษณุตอบว่า ไม่ทราบ ไม่ควรไปแนะนำอะไรประธานสภา ซึ่งตอนนี้ยังไม่ทราบว่าเป็นใคร
