วันนี้ (29 มิถุนายน) วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงขั้นตอนการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยเชื่อว่าในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้จะสามารถเลือกประธานสภาได้ ซึ่งไม่มีเหตุอะไรที่จะเลือกไม่ได้ ยกเว้นแต่จะเลื่อนการประชุม ซึ่งตามกฎหมายต้องเลือกประธานสภาให้ได้ภายใน 10 วันหลังจากเปิดประชุมแล้ว ดังนั้นภายในวันที่ 13 กรกฎาคมจะต้องได้ประธานสภา ย้ำว่าการเลือกประธานสภาไม่มีเหตุใดที่จะมาขัดขวาง ไม่เหมือนกับการเลือกนายกรัฐมนตรีที่ต้องได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของทั้งสองสภา แต่นี่เป็นการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ต้องการแค่เสียงข้างมากเท่านั้น
ทั้งนี้ การเสนอชื่อประธานสภาสามารถเสนอได้หลายคน และใช้เสียงข้างมากในที่ประชุมสภาในการโหวต ซึ่งทุกพรรคสามารถเสนอกี่ชื่อก็ได้ โดยจะเป็นการเสนอในคราวเดียวกันและเลือกครั้งเดียว นอกจากจะเกิดเหตุให้เสนอให้มีการโชว์วิสัยทัศน์ของแคนดิเดตประธานสภาทุกคน เมื่อโชว์วิสัยทัศน์ยังไม่เสร็จภายในวันนั้นก็สามารถเลื่อนวันได้ โดยขึ้นอยู่กับที่ประชุมว่าจะให้แสดงวิสัยทัศน์หรือไม่
วิษณุยังเปิดเผยถึงการเลือกนายกฯ ด้วยว่า คนที่กำหนดวันเลือกนายกฯ คือประธานสภา ส่วนจะมีการเสนอกี่ชื่อก็เป็นเรื่องของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทุกพรรคสามารถเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของตัวเองได้ เมื่อมีการเสนอขึ้นมาแต่อีกฝ่ายไม่เห็นด้วยก็ต้องมาแข่งขันกัน โดยประธานสภาจะเป็นผู้เสนอให้โหวตแบบไหน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีการแย่งตำแหน่งประธานสภากันนั้น ไม่ใช่แค่เลือกนายกฯ แต่ยังเกี่ยวกับหน้าที่อื่นๆ ด้วย ทั้งเรื่องกฎหมาย กระบวนการต่างๆ และการนัดวันประชุม วิษณุกล่าวว่า ประธานสภาก็ไม่ได้มีอำนาจที่ยิ่งใหญ่ตามที่ ชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาเคยพูดไว้ว่าจะเป็นคนชี้เป็นชี้ตายไม่ได้ แม้ว่าบางอย่างประธานสภาจะตัดสินใจเองได้ก็ตาม แต่บางอย่างก็อยู่ภายใต้เสียงข้างมากของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่อำนาจที่มีคือการสั่งปิดประชุม
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า อำนาจกันกฎหมายโดยเฉพาะการแก้ไขมาตรา 112 หรือไม่นั้น วิษณุกล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับประธานสภาจะชี้ขาดว่าจะรับหรือไม่ หากประธานสภาชี้ว่าไม่รับเพราะเป็นญัตติที่ผิดกฎหมายก็ไม่รับ และส่วนตัวไม่ทราบที่พรรคก้าวไกลต้องการเสนอเรื่องนี้ เพราะส่วนตัวไม่ทราบว่าพรรคก้าวไกลอยากได้ประธานสภาเพราะอะไร แต่ส่วนตัวมองว่าใครได้ตำแหน่งประธานสภาก็ดีทั้งนั้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การเลือกนายกฯ ไม่มีกรอบเวลาว่าจะเลือกภายในกี่วัน ขึ้นอยู่กับประธานสภาจะเป็นผู้กำหนด ทั้งนี้หากยังเลือกนายกฯ ไม่ได้ จะส่งผลต่อรัฐบาลรักษาการอย่างไร วิษณุกล่าวว่า ประชาชนอาจจะโอดครวญอยากให้ได้รัฐบาลเร็วขึ้นและมีความชัดเจน แม้รัฐบาลรักษาการจะมีอำนาจหน้าที่ก็ตาม แต่บางอย่างก็ทำไม่ได้อยู่ดี เช่น การใช้งบกลางก็มีข้อจำกัดและมีเงื่อนไขอยู่มาก ที่สำคัญคืองบประมาณจะออกล่าช้า ถ้าได้รัฐบาลเร็วก็จะสามารถแถลงนโยบายได้เร็วและเสนอกฎหมายได้รวดเร็วขึ้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพเกษียณหลายตำแหน่งจะต้องรอรัฐบาลชุดใหม่มาแต่งตั้งหรือไม่นั้น วิษณุกล่าวว่า เชื่อว่าจะมีการดูตาม้าตาเรือว่าถ้ารัฐบาลใหม่เกิดขึ้นเร็วก็คงต้องรอให้รัฐบาลใหม่ดำเนินการ แต่หากเกิดขึ้นช้าก็จำเป็นจะต้องมีการแต่งตั้งไปก่อน ขณะที่ไม่ขอแสดงความคิดเห็นว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะเกิดขึ้นช้าหรือเร็ว
วิษณุกล่าวถึงกรณีที่แคนดิเดตนายกฯ จะขอลาออกจากการถูกเสนอชื่อไม่ได้ เพราะเมื่อมีการเลือกตั้งเข้ามาแล้วไม่รับตำแหน่งนี้จึงทำไม่ได้ แต่ถ้าขาดคุณสมบัติก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ลาออกไม่ได้ เพราะตั้งแต่แรกที่เสนอชื่อแล้วตามระเบียบไม่สามารถถอนตัวได้ ยกเว้นเสียชีวิต หรือขาดคุณสมบัติ
วิษณุกล่าวด้วยว่า เมื่อเลือกประธานสภาได้แล้ว คนที่รับสนองพระบรมราชโองการคือ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา รักษาการนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อได้นายกฯ คนใหม่แล้ว ประธานสภาจะเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
