×

อะไรทำให้วิลเลียมส์ เรซซิง สร้างเซอร์ไพรส์ได้ใน F1 ฤดูกาล 2025?

19.05.2025
  • LOADING...
รถแข่ง FW47 ของวิลเลียมส์ เรซซิง ในสนาม F1 ฤดูกาล 2025

ฤดูกาล 2025 ของการแข่งขันฟอร์มูลาวัน กลายเป็นฤดูกาลที่สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนๆ ทั่วโลกอย่างแท้จริง โดยหนึ่งในทีมที่สร้างเซอร์ไพรส์ได้มากที่สุดคงหนีไม่พ้นวิลเลียมส์ เรซซิง ทีมเก่าแก่ที่เคยตกไปอยู่ท้ายตาราง กลับกลายเป็นทีมที่สามารถขับเคี่ยวกับบรรดายักษ์ใหญ่อย่างเฟอร์รารี เมอร์เซเดส หรือแม้แต่เรดบูลล์ ได้อย่างสูสี

 

จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นอย่างชัดเจนในสนามเอมิเลีย โรมันญา กรังด์ปรีซ์ ที่อิโมลา เมื่อ อเล็กซานเดอร์ อัลบอน อังศุสิงห์ นักขับลูกครึ่งไทย-อังกฤษ จบการแข่งขันในอันดับที่ 5 นับเป็นสนามที่สองติดต่อกันที่เขาทำผลงานได้ดี และเป็นเรซที่สามในฤดูกาลนี้ที่เขาจบในกลุ่มท็อป 5

 

อัลบอนเก็บคะแนนได้ใน 6 จาก 7 สนามที่ผ่านมาของฤดูกาล โดยสนามเดียวที่เขาไม่มีแต้มคือบาห์เรนกรังด์ปรีซ์ 

 

สิ่งที่น่าทึ่งคือ เขาสามารถเอาชนะรถจากทีมชั้นนำได้หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์รารี เมอร์เซเดส หรือแม้แต่เรดบูลล์ในบางจังหวะ ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพที่แท้จริงของรถแข่งจากวิลเลียมส์ในปีนี้

 

จุดเริ่มต้นในการกลับมาของวิลเลียมส์ เรซซิง อาจจะอยู่ที่การเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งบนสุดอย่างเจ้าของทีม

 

ตั้งแต่ปี 2020 ที่ครอบครัววิลเลียมส์ขายทีมให้กับกลุ่มทุน โดริลตัน แคปิตัล ทีมได้ดำเนินการปรับโครงสร้างภายในครั้งใหญ่ โดยเฉพาะการดึงตัวบุคลากรมืออาชีพเข้ามาเสริมทัพ เช่น เจมส์ โวลส์ อดีตหัวหน้ากลยุทธ์จากเมอร์เซเดส เข้ามานั่งตำแหน่งทีมบอส และ แพต ฟราย วิศวกรมากประสบการณ์จากแม็คลาเรน เฟอร์รารี และเรโนลต์ มาช่วยดูแลด้านเทคนิค

 

แม้ในฤดูกาลก่อนทีมจะทำผลงานได้ต่ำกว่าความคาดหวัง แต่โวลส์ไม่แสดงอาการตื่นตระหนก เพราะเข้าใจว่านั่นเป็นเพียงผลข้างเคียงจากการเปลี่ยนแปลงระบบการออกแบบรถและการหมุนเวียนนักขับที่ยังไม่ลงตัว

 

นอกจากนั้น สิ่งที่ทำให้วิลเลียมส์ก้าวกระโดดได้ในฤดูกาลนี้ ยังเป็นเรื่องของทิศทางการพัฒนารถแข่งและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น

 

ในปี 2025 วิลเลียมส์มาพร้อมรถแข่ง FW47 ซึ่งจำกัดน้ำหนักรถไว้ที่ 800 กิโลกรัม ตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาล ซึ่งเป็นน้ำหนักต่ำสุดตามกฎ ทำให้สามารถลงทุนพัฒนาด้านอื่นๆ ได้เต็มที่ เช่น แอโรไดนามิกส์และระบบกันสะเทือนที่ล้ำสมัย

 

แม้รูปลักษณ์ของรถจะดูไม่ต่างจากรุ่นก่อนหน้าอย่าง FW46 มากนัก แต่ทุกส่วนได้รับการปรับแต่งอย่างละเอียดและมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้รถมีความเสถียร คาดเดาได้ง่าย และตอบสนองดีขึ้นอย่างชัดเจน

 

นอกจากนี้การมาของ คาร์ลอส ไซน์ซ ยังช่วยจุดประกายพลังใหม่ให้กับทีมได้ด้วย

 

อีกหนึ่งหมากสำคัญที่ทีมทำได้อย่างยอดเยี่ยม คือการคว้าตัว คาร์ลอส ไซน์ซ มาจากเฟอร์รารี เข้ามาเป็นคู่หูของอัลบอน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่วิลเลียมส์มีนักขับระดับท็อป 2 คนในทีมพร้อมกัน

 

ก่อนหน้านี้ อัลบอนต้องทำหน้าที่แบกรับภาระทีมเกือบทั้งหมด เนื่องจากคู่หูส่วนใหญ่มักเป็นนักขับใหม่หรือยังขาดประสบการณ์ แต่เมื่อมีไซน์ซเข้ามา อัลบอนสามารถมุ่งมั่นกับผลงานของตนเองได้เต็มที่ และนั่นเองทำให้ผลงานของเขาพุ่งสูงอย่างเห็นได้ชัด

 

เมื่อประกอบกับรถแข่ง FW47 ที่ถูกพัฒนาออกมาเป็นอย่างดี ทำให้ อัลบอน สามารถแสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่

 

โดยอัลบอนกล่าวหลังจบเรซที่ไมอามีว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผมก็คือ รถนั้นขับได้เต็มกำลังกว่า” 

 

“มันตอบสนองได้ดีกว่า คาดเดาได้ง่ายกว่า และโดยทั่วไปแล้วทำให้คุณสามารถขับได้สม่ำเสมอมากขึ้น”

 

ปัจจุบัน อัลบอนเก็บไปแล้ว 40 คะแนน ซึ่งเกือบเท่ากับที่เขาทำได้ตลอด 3 ฤดูกาลก่อนหน้านี้รวมกัน (43 คะแนน) และมีแนวโน้มว่าเขาอาจทำลายสถิติส่วนตัวที่เคยทำได้ 105 คะแนนในฤดูกาลเดียวกับเรดบูลล์เมื่อปี 2020 ได้หากรักษาฟอร์มนี้ไว้

 

โดยรวมแล้วสามารถบอกได้ว่า วิลเลียมส์ เรซซิง ในปี 2025 ไม่ใช่แค่มีฟอร์มที่ดี แต่ทีมยังมีทิศทางถูกต้องด้วย

 

ดังนั้นสิ่งที่น่าชื่นชมคือ ทีมไม่ได้ประสบความสำเร็จเพราะโชคช่วย แต่เป็นผลลัพธ์ของการวางแผนระยะยาวและการตัดสินใจที่ถูกต้องในทุกจุด ทั้งในด้านการบริหาร การวิศวกรรม และการเลือกนักขับ

 

ปีนี้จึงอาจเป็นการเริ่มต้นของการกลับมาทวงคืนความยิ่งใหญ่ของวิลเลียมส์ เรซซิง หลังจากห่างหายจากการลุ้นโพเดียมมานานหลายปี และถ้าพวกเขายังรักษาความสม่ำเสมอเช่นนี้ต่อไป ก็ไม่มีเหตุผลใดที่ชื่อ ‘วิลเลียมส์’ จะไม่กลับมาอยู่แถวหน้าของวงการ F1 อีกครั้ง

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising