“แก้มชอบตัวเองมาก ภูมิใจที่ได้ทำทุกโมเมนต์ของชีวิตนี้ ไม่รู้สิ มันรู้สึกดีที่ได้เห็นพัฒนาการของตัวเอง ชีวิตแก้มมันเต็มไปด้วยความไม่น่าเชื่อว่าเราจะผ่านจุดนั้นมาได้ แก้มภูมิใจกับทุกๆ อย่างที่ได้เป็น แก้มมาจากการร้องเพลง การร้องเพลงคือความสามารถที่แก้มมี เป็นตัวตนที่สามารถสร้างความสุขให้กับผู้อื่นได้ ถ้าแก้มไม่มีตรงนั้นก็คงไม่มีวันนี้” แก้ม วิชญาณี เคยเล่าความรู้สึกต่อพัฒนาการในวงการบันเทิงที่ยอดเยี่ยมขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการร้องเพลงและบุคลิกภาพ
ย้อนกลับไปในปี 2550-2551 วงการบันเทิงมีเรื่องราวน่าจดจำหลายอย่าง และหนึ่งในนั้นคือการปรากฏตัวของเด็กสาววัย 18 ปีจากจังหวัดภูเก็ตบนเวทีการแข่งขัน ‘The Star ค้นฟ้าคว้าดาว ปี 4’ ซึ่งนับตั้งแต่โชว์แรกด้วยเพลง ตะวันยังมีให้เห็น น้ำเสียงไพเราะทรงพลังของเธอก็สะกดใจผู้ชมและยืนหนึ่งในฐานะตัวเก็งของซีซันมาตลอด และเมื่อเริ่มต้นการแข่งขัน แต่ละสัปดาห์ที่ข้ามผ่านเธอก็ยิ่งโชว์ศักยภาพและพัฒนาการทั้งความสามารถ บุคลิก รวมถึงเสน่ห์บนเวทีขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งที่สุดเมื่อถึงรอบประกาศผลที่อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก ในเดือนเมษายน 2551
แก้ม วิชญาณี ขึ้นไปโชว์เดี่ยวปิดการแข่งขันของตัวเองด้วยเพลง ขอเป็นคนของเธอ พร้อมกับเสียงปรบมือแบบสนั่นฮอลล์หลังจากเพลงจบ และเมื่อนั้นเองที่เราเชื่อว่าทั้งน้ำเสียงและตัวเธอได้กลายเป็นคนของแฟนเพลงชาวไทยอย่างสมบูรณ์ในฐานะแชมป์หญิงคนแรกของรายการ The Star
โดยหลังจากโคจรในวงการมากว่า 10 ปี จากหินเม็ดงามที่ยังไม่ถูกเจียระไนจากภูเก็ตที่มีมวลน้ำหนักถึง 70 กิโลกรัมในวันแรกเมื่อเริ่มต้นรายการ เธอผลักดันศักยภาพและเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ นอกจากจะได้รับการยกย่องและยอมรับในฐานะหนึ่งในนักร้องหญิงที่มีน้ำเสียงโดดเด่นมากที่สุดของวงการ แก้มยังสวยวันสวยคืน แต่สิ่งที่ทำให้เรายิ้มไปพร้อมกับเธอได้เสมอคือความภาคภูมิใจในทุกสิ่งที่เป็นตัวตนของตัวเอง
“ถ้าเราอยู่ในวงการแล้วมันแย่ลง มันไม่ใช่แล้ว มันต้องพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ นอกจากต้องพัฒนาสิ่งนั้น เราต้องดูแลตัวเองยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นเป็นสิ่งสำคัญของนักร้อง นักแสดง คนในวงการบันเทิงที่จะต้องดูดีขึ้นเรื่อยๆ อาจจะไม่ได้สวยเป๊ะเวอร์ แต่ว่าดูดีในแบบที่เราเป็นก็พอ”
นอกจากนี้เธอยังเคยเล่าถึง The Best Memories สำหรับการจุดเริ่มต้นวงโคจรในวงการบันเทิงของตัวเองไว้ว่า
“ตอนที่ประกวด The Star เรามาในฐานะผู้แข่งขัน เรากลับไม่รู้สึกว่าเรามาแข่งขันกับใคร แต่เหมือนกับเป็นการเข้ามาเรียนรู้ มารับฟัง มาร้องเพลง ทำให้ได้ประสบการณ์เยอะมาก เพราะทีมงานทุกคนดูแลแก้มกับเพื่อนๆ ดีมาก แก้มเองไม่คิดเลยว่าจะได้ผ่านเข้ามาถึงจุดที่ได้เป็นแชมป์ การได้มาถึงจุดนี้มันเป็นอะไรที่เกินคาด
“แรกๆ ไม่รู้เลยว่าจะต้องทำตัวยังไงบ้าง ได้แต่ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ เรารู้สึกยังไงก็แสดงออกไปอย่างนั้น เป็นตัวเองที่สุด ซึ่งการได้อยู่ในรายการ การได้มีทีมงานดูแลก็ทำให้แก้มก้าวออกมาเป็นคนหนึ่งที่มีความมั่นใจมากขึ้น
“พี่ๆ ในวงการบอกเสมอว่าการที่เราได้มายืนอยู่ตรงนี้ ในวงการนี้ เหมือนจะเข้ามาง่ายนะ แต่ความยากของมันคือทำยังไงถึงจะอยู่ได้นาน นั่นหมายความว่าตัวศิลปินต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เราต้องเป็นตัวของตัวเอง
“เขารู้ว่าเราเป็นเด็กดีและตั้งใจอยู่แล้ว ให้เรารักษาจุดดีตรงนี้ไว้ เราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในวงการ เราไม่มีทางทำงานคนเดียวได้ เราคงอยู่หน้าจอทีวีไม่ได้ถ้าเราไม่มีพี่ๆ ทีมงาน รวมไปถึงทุกๆ คนเลยที่คอยเป็นกำลังใจและสนันสนุนเรา แฟนเพลงได้ดูเราเป็นภาพเบื้องหน้า มันจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่มีทีมงานเบื้องหลังที่คอยผลักดันและทำงานไปพร้อมกัน จงอย่าลืมเด็ดขาด ไม่ว่าชีวิตวันนี้เราจะอยู่จุดไหนก็ตาม
“ทุกคนมักคิดว่าแก้มดูเป็นคนที่มั่นใจ กล้าทำ กล้าแสดงออก แต่รู้หรือไม่ว่าทุกครั้งก่อนขึ้นเวที ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือทุกวันนี้ก็ตาม แก้มเป็นคนขี้ตื่นเต้นมาก จะลนลาน จะรู้สึกอยากอ้วก คลื่นไส้ มันเป็นอย่างนี้ตลอด แต่พอได้หายใจเข้าลึกๆ แล้วนึกถึงคนที่รอฟังเพลง ไปเจอบรรยากาศคอนเสิร์ต ก็จะมีความมั่นใจกลับมา ตอนประกวดแก้มจะคิดเสมอในทุกๆ รอบว่าเรามีเวลาแค่ 3 นาทีบนเวที เราต้องทำให้ทุกคนมีความสุขและประทับใจในสิ่งที่เราอยากจะมอบให้กลับไปแค่นั้นพอ มันเป็นวินาทีของเรา เราต้องทำให้ดีที่สุด และเราต้องเต็มที่กับมัน เพราะเราจะหวนกลับไปทำใหม่ไม่ได้แล้วนะ”
ล่าสุดในช่วงเช้าวันที่ 10 กุมภาพันธ์ เธอก็ได้โชว์ศักยภาพอันโดดเด่นของตัวเองอีกครั้งบนเวทีประกาศผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 92 ในเพลง Into The Unknown จากแอนิเมชัน Frozen ll ที่เป็นหนึ่งในผู้เข้าชิงรางวัล Best Original Song ในปีนี้ ร่วมกับผู้พากย์เสียงเอลซ่าจาก 10 ภาษา ทั้งเดนมาร์ก, เยอรมนี, ญี่ปุ่น, ลาตินอเมริกา, นอร์เวย์, โปแลนด์, รัสเซีย และสเปน นอกจากนี้ยังร่วมด้วย อีดินา เมนเซล เจ้าของเสียงพากย์ภาษาอังกฤษ และศิลปิน Aurora
นาทีนี้ดูเหมือนว่าเส้นทางแห่งดวงดาวที่มีจุดเริ่มต้นบนเวที The Star ของเธอจะยิ่งฉายแสงและพาเธอโคจรไปได้ไกล และเราก็ได้แต่หวังว่าจะได้เห็นเธอนำพาพลังเสียงอันโดดเด่นและบุคลิกที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของเธอไปได้ไกลยิ่งขึ้นในโอกาสต่อๆ ไปนับจากนี้
