บรรยากาศการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันแรกของหุ้น บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) เต็มไปด้วยความคึกคัก โดยทันทีที่เปิดตลาด ราคาหุ้นขึ้นไปแตะระดับ 26.50 บาท เพิ่มขึ้นราว 47% จากราคาที่เปิดเสนอขายให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่ระดับ 18 บาท
หลังจากนั้นยังคงมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้หุ้น OR ปิดตลาดที่ระดับ 29.25 บาท เพิ่มขึ้น 11.25 บาท หรือ 62.5% โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกว่า 47,360 ล้านบาท ระหว่างวันราคาปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 29.50 บาท
ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้น OR ในการซื้อขายวันแรกปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างสูง มาจากเหตุผลหลักๆ คือ นักลงทุนทั่วไปคาดหวังถึงการเติบโตในระยะยาวของ OR จากการขยายธุรกิจทั้ง Oil และ Non Oil รวมทั้งการปรับตัวรับมือกับกระแสปฏิวัติพลังงาน จากพลังงานดั้งเดิมมาสู่พลังงานไฟฟ้าและพลังงานทดแทน
อีกทั้งนักลงทุนรายใหญ่และนักลงทุนสถาบันก็ยังมีความต้องการหุ้นอีกมาก จึงมีแรงเสนอซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ผลักดันให้ราคาปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกองทุนประเภท Passive ที่ลงทุนอ้างอิงกับดัชนี ที่ถูกคาดการณ์ว่าจะต้องเข้าลงทุนในหุ้น OR เนื่องจาก OR จะถูกนำเข้าคำนวณในดัชนี SET50, SET100, FTSE และ MSCI ตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคมตามลำดับ
“การเคลื่อนไหวของราคาวันนี้สะท้อนว่าความต้องการหุ้นสูงกว่าจำนวนหุ้น IPO และยังสะท้อนมุมมองนักลงทุนส่วนใหญ่ที่มอง OR ในเชิงบวกระยะยาวค่อนข้างมาก”
ทั้งนี้ มองว่าปัจจัยบวกต่างๆ ได้สะท้อนสู่ราคาไปหมดแล้ว และเชื่อว่าหลังจากนี้ราว 1 เดือน ราคาหุ้น OR จะซื้อขายในระดับที่สะท้อนปัจจัยพื้นฐาน
ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ จำกัด กล่าวว่า ปัจจัยเรื่องการเข้าคำนวณในดัชนีอ้างอิงต่างๆ และกลายเป็นหุ้นที่มีความต้องการจากกลุ่ม Index Fund สูงนั้น เป็นปัจจัยที่นักลงทุนรับทราบกันระยะหนึ่งแล้ว ขณะที่ปัจจัยเรื่อง Free Float ของ OR ที่ค่อนข้างน้อย ก็เป็นประเด็นที่ไม่ควรละเลย
โดยยังต้องติดตามต่อไปว่า ท้ายที่สุดแล้วทางตลาดหลักทรัพย์จะตัดสินใจนำวิธีคำนวณแบบ Free float adjusted market cap มาใช้จริงหรือไม่ หากเกิดขึ้นจริงจะทำให้ OR เสียประโยชน์เช่นกัน กล่าวคือ จะต้องถูกลดน้ำหนักในดัชนี SET50 และ SET100 ลงมาเป็นอันดับที่ 7 รองจากหุ้น AOT, DELTA, GULF, ADVANC, GPSC, PTTEP โดยจะมีน้ำหนักลดอยู่ที่ 0.9% สําหรับ SET50 และ 0.8% สําหรับ SET100 ตามลำดับ อิงจากราคา IPO ที่ 18 บาท และระดับ Free Float ที่ 25%
“ซึ่งนั่นหมายความว่า หากราคาหุ้น OR ในระยะสั้นกระโดดขึ้นไปมากเท่าไร น้ำหนักที่จะถูกปรับลดในดัชนีก็จะมากขึ้นเท่านั้น”
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
