การคว้าเหรียญทองเหรียญแรกให้กับทัพนักกีฬาไทย และเป็นเหรียญทองแรกในประวัติศาสตร์ของสมาคมเทควันโดไทยของ ‘เทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ’ กลายเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ AIS โอเปอเรเตอร์มือถือยักษ์ใหญ่ของไทย และอยู่ในฐานะ Official Broadcaster อย่างเป็นทางการของ Tokyo Olympic Games 2020 ไม่รอช้าที่จะคว้าจอมเตะสาวไทยมาเป็น ‘แบรนด์แอมบาสเดอร์’ (Brand Ambassador)
“น้องเทนนิสจะมารับบทบาทเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ AIS ที่จะมาตอกย้ำความเป็นที่ 1 ตัวจริงและส่งต่อแรงบันดาลใจแห่งความสำเร็จของนักสู้ให้กับคนไทย” สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS กล่าว
ความเคลื่อนไหวของ AIS ครั้งนี้นับว่า เป็นอีกหนึ่งครั้งที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากการเป็น ‘เสือปืนไว’ ในการคว้าฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก 2020 มาร่วมงานอย่างทันท่วงที ก่อนหน้าแบรนด์ยักษ์ใหญ่จะขยับตัวได้ทันแล้ว หากมองเข้าไปจะพบว่า AIS นั้นมี ‘แบรนด์แอมบาสเดอร์’ อีกนับ 10 คน ที่ล้วนแล้วแต่เป็นระดับซูเปอร์สตาร์จนขึ้นแท่นเป็น ‘เจ้าพ่อพรีเซนเตอร์’
ไม่ว่าจะเป็น เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร, แบมแบม-กันต์พิมุกต์ ภูวกุล, เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข, สกาย-วงศ์รวี นทีธร, แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์, ดีเจพุฒ-พุฒิชัย เกษตรสิน, เบลล่า-ราณี แคมเปญ, ทอม-อิศรา กิจนิตย์ชีว์, วี-วิโอเลต วอเทียร์ เป็นต้น ซึ่งนี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น
ปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS ขยายความเรื่องนี้กับ THE STANDARD WALTH ว่า การคว้า เทนนิส พาณิภัค มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์จะช่วยให้ AIS สามารถสร้างคอนเทนต์ที่เหมาะสมกับคนหมู่มาก และสามารถนำแบรนด์เข้าไปสร้างเอ็นเกจเมนต์กับผู้คนในช่วงเวลาเหล่านั้น
“การแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่เราก็ได้เห็นความมุ่งมั่นและความพยายามของนักกีฬาที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนได้ ซึ่งเราเชื่อว่าเทนนิสจะช่วยเราตอบโจทย์ในเรื่องนี้ทั้งในช่วงของการแข่งขันและโอลิมปิกจบลงไปแล้ว”
สำหรับ AIS แล้ว นอกจากสินค้า บริการ และเน็ตเวิร์กที่จะเป็นตัวการรันตีคุณภาพแล้ว ‘การสื่อสาร’ เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันเพราะ “การสื่อสารที่ทรงประสิทธิภาพจะทำให้ลูกค้าสามารถเข้าใจ AIS มากขึ้น”
การมีฐานลูกค้ากว่า 42.7 ล้านเลขหมาย (ณ มีนาคม 2564) ทำให้ AIS มีฐานลูกค้าที่หลากหลายเป็นอย่างมาก ดังนั้นแม้การมีแบรนด์แอมบาสเดอร์นับ 10 คน อาจดูเป็นจำนวนที่เยอะ แต่สำหรับ AIS แล้ว แบรนด์แอมบาสเดอร์แต่ละคนจะทำหน้าที่ในการสื่อสารไปยังเป้าหมายของตัวเอง อย่างเช่นการดึง เทนนิส พาณิภัค ในครั้งนี้ (AIS ไม่ขอเปิดเผยระยะเวลาสัญญา) จะช่วยให้ AIS สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ชมกีฬาได้มากขึ้น โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่มีการแข่งกันโอลิมปิกนี้
ข้อมูลจาก มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ จํากัด หรือ MI ระบุว่า จำนวนผู้ชมโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 มีมากกว่า 13.5 ล้านคนในช่วง 6 วันแรก หลังพิธีเปิดเริ่มขึ้น (ข้อมูลจำนวนผู้ชมรวมผ่านฟรีทีวี วัดผลโดย Nielsen Media Research) ยังไม่รวมผู้รับชมผ่าน Social Platforms ต่างๆ และ AIS Play ซึ่งรวมแล้วน่าจะมีผู้ชมรวมไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคน
ในแต่ละปี AIS มีรายได้นับ ‘แสนล้านบาท’ ซึ่งในแง่การตลาด ปรัธนากล่าวว่า รวมๆ แล้ว AIS ใช้ไปราว 1 หมื่นล้านบาท โดยงบส่วนใหญ่จะถูกนำไปเป็นส่วนลดค่าเครื่องให้กับลูกค้า รองลงมาเป็นช่องทางการขายที่เหลือจึงจะเป็นงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ รวมไปถึงงบพรีเซนเตอร์ด้วย
อย่างไรก็ตาม โอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ครั้งนี้ AIS PLAY ซึ่งเป็นบริการสตรีมมิงคว้าสิทธิ์การถ่ายทอดในฐานะ Official Broadcaster อย่างเป็นทางการ ปรัธนา ระบุว่า ผลจากการจัดช่องทางชมสดบน AIS PLAY ถึง 16 ช่องทำให้ฐานผู้ใช้งานของ AIS PLAY พุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 4-5 ล้านคนต่อเดือน ถือเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด
“หากนับช่วงพีกจะเพิ่มขึ้นประมาณ 5 เท่าด้วยกัน อย่างเช่นในพิธีเปิด หรือทุกครั้งที่นักกีฬาไทยแข่งโดยเฉพาะแมตช์การแข่งสำคัญ ก็จะพบผู้ชมเพิ่มขึ้นจำนวนมาก”
ผลจากการระบาดของโรคโควิดในช่วงนี้ทำให้ผู้คนอยู่บ้านมากขึ้น สร้างอานิสงส์ให้กับผู้ชมเปิด AIS PLAY ในระยะเวลาที่ยาวนานมากขึ้น โดยพฤติกรรมที่พบคือ ประมาณ 10% เป็นการชมผ่านทีวี กลุ่มนี้มักจะเปิดเป็นระยะเวลานาน ส่วนอีก 90% รับชมผ่านดีไวซ์อื่นๆ เช่น สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต กลุ่มนี้จะไม่ได้ชมเป็นระยะเวลานานมากนัก จะดูเป็นเกมๆ ไปมากกว่า
“AIS PLAY จะให้ความสำคัญกับคอนเทนต์ที่เป็นการถ่ายสดมากขึ้น รวมไปถึงการนำคอนเทนต์อื่นๆ เข้ามาเสริมอีก เช่น ออริจินัลคอนเทนต์ที่เป็นซีรีส์ ต่อไปก็จะมีมากขึ้นเช่นกัน” ปรัธนา กล่าว