รัฐบาลสหราชอาณาจักรถูกกดดันจากภาคประชาสังคมและชุมชนวิทยาศาสตร์ให้ดำเนินมาตรการต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 อย่างเข้มงวดยิ่งขึ้น ขณะที่หลายประเทศในยุโรปและสหรัฐฯ ได้ทยอยประกาศปิดประเทศเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค
กระแสเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน และรัฐบาลอังกฤษออกมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 อย่างเร่งด่วน ทำให้แฮชแท็ก #WhereisBoris (บอริสอยู่ไหน) ติดเทรนด์บนทวิตเตอร์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยประชาชนจำนวนมากไม่พอใจที่รัฐบาลดำเนินนโยบายควบคุมและชะลอการระบาดของไวรัสอย่างไม่ทันท่วงที
ผู้ใช้ทวิตเตอร์จำนวนมากเคลือบแคลงตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อของทางการ นอกจากนี้ยังไม่พอใจที่รัฐบาลให้โรงเรียนเปิดการเรียนการสอนตามเดิมต่อไป เช่นเดียวกับพิพิธภัณฑ์ ร้านค้า บาร์ และร้านอาหารก็ยังเปิดให้บริการตามปกติ ขณะที่สหรัฐฯ และหลายประเทศในยุโรปส่งเสริมให้ประชาชนเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) โดยปิดสถานที่สาธารณะ และรณรงค์ให้ประชาชนกักตัวอยู่ในบ้านเพื่อลดโอกาสการแพร่เชื้อจากคนสู่คนในที่สาธารณะ
นอกจากนี้ยังมีกระแสเรียกร้องในโซเชียลมีเดียให้วอล์กเอาต์ออกจากโรงเรียนหรือสถานที่ทำงาน หากรัฐไม่สั่งปิดโรงเรียน
ประชาชนยังวิจารณ์ว่ารัฐบาลตอบสนองต่อโรคระบาดได้ล่าช้า หลังจากก่อนหน้านี้รัฐบาลเคยปฏิเสธว่าจะไม่ตรวจหาไวรัสในกลุ่มประชาชนจำนวนมาก แต่แนะนำว่าสิ่งที่ประชาชนควรทำคือการล้างมืออย่างถูกต้อง และบอกว่าใครก็ตามที่มีไข้หรือไอเรื้อรังให้กักตัวอยู่ในบ้าน 7 วัน
ทั้งนี้รัฐบาลอังกฤษยอมรับเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าเวลานี้ประเทศได้พ้นจากระยะควบคุมโรคมาสู่ระยะชะลอการระบาด แต่จนถึงตอนนี้รัฐบาลยังไม่ได้ประกาศมาตรการตอบสนองเพื่อควบคุมการระบาดอย่างเร่งด่วน
เมื่อคืนวานนี้ รัฐบาลสหราชอาณาจักรระบุว่าจะเริ่มแถลงเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดเป็นประจำทุกวัน และให้คำแนะนำแก่ประชาชนเกี่ยวกับวิธีป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อ ขณะเดียวกันรัฐบาลจะหารือกับภาคอุตสาหกรรมและสื่อสารกับผู้นำต่างชาติเพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19
ส่วนในวันนี้ จอห์นสันมีกำหนดจะประชุมร่วมกับคณะกรรมการสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งคาดว่าจะมีการพูดคุยถึงแบบจำลองการแพร่ระบาดและแผนการขั้นถัดไปในการปกป้องประชากรผู้สูงอายุและผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อ รวมถึงมาตรการกักตัวในบ้านเรือนและการควบคุมการรวมตัวกันของคนหมู่มาก
ล่าสุดยอดผู้ติดเชื้อสะสมในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นเป็น 1,395 ราย จำนวนนี้เสียชีวิต 35 ราย และหายดีแล้ว 20 ราย
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: