ในช่วงที่ผ่านมานี้ คำว่า ‘GameFi’ เริ่มจะเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นการผสมคำระหว่าง Game+Defi ซึ่งก็คือเกมที่อยู่บนบล็อกเชนโดยใช้ระบบไร้ศูนย์กลาง หรือ Decetralized นั่นเอง
จากกระแสการเติบโตของเกม ‘Axie Infinity’ ที่เป็น ‘GameFi’ โดยชูคอนเซปต์การสร้างรายได้ให้แก่ผู้เล่นด้วยโมเดลรูปแบบ ‘Play-to-Earn’ ซึ่งแตกต่างจากเกมในอดีตที่ผ่านมาที่เคยมีจุดประสงค์การเล่นเพียงเพื่อชนะอย่างเดียว ทำให้ในตอนนี้มี GameFi จำนวนมากที่กำลังโด่งดัง เปรียบได้กับภาวะลมใต้ปีก วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับเกมดังอื่นๆ ในโลกบล็อกเชนกัน
เตรียมตัวก่อนเล่นเกม
มาถึงจุดนี้ ผู้อ่านหลายๆ ท่านคงเริ่มจะสนใจการเข้าไปเล่น GameFi กันแล้ว ทีนี้เรามาดูกันก่อนดีกว่าว่าขั้นตอนก่อนจะเล่นเกมได้ต้องใช้อะไรบ้าง
เริ่มแรก ผู้ที่จะเล่นเกมแบบ GameFi จะต้องมีกระเป๋าคริปโตเคอร์เรนซี (วอลเล็ต) ส่วนตัวเสียก่อน ไว้สำหรับการใช้เชื่อมเงินในโลกความเป็นจริงเข้ากับโทเคนภายในเกมที่อยู่บนบล็อกเชน โดยวอลเล็ตดังกล่าวจะเป็นเสมือนกระเป๋าธนาคารส่วนตัวที่เจ้าของกระเป๋าต้องดูแลความปลอดภัยด้วยตัวเอง ตามคอนเซปต์ ‘Decentralized’ นั่นเอง
โดยวอลเล็ตสำหรับคริปโตเคอร์เรนซีนั้นมีหลากหลายรูปแบบให้เหล่าคริปโตเนียน (ผู้ลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี) ได้เลือกใช้ แต่หนึ่งในวอลเล็ตยอดนิยมในขณะนั้นจะเป็น ‘MetaMask’ ซึ่งสามารถนำไปเชื่อมต่อกับเครือข่ายได้หลากหลาย ทั้ง Ethereum, Binance Smart Chain เป็นต้น
ถัดจากนั้น ในบางเกมที่มีขนาดหรือเครือข่ายที่ใหญ่ อาจะจะต้องนำวอลเล็ตดังกล่าวไปเชื่อมกับวอลเล็ตของเกมไว้สำหรับซื้อสินค้าหรือแลกเปลี่ยนโทเคนไว้ใช้ภายในเกม
หรือใน GameFi บางรูปแบบ อาจจะสามารถโอนโทเคนประจำเกมจากแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนเหรียญ (Exchange) ได้โดยตรงเลย ก็ขึ้นกับแต่ละเกมเช่นกัน
เกมฮิตในช่วงนี้ที่กำลังเป็นกระแสตามจำนวนผู้ใช้งานต่อวัน
(จากข้อมูล ณ วันที่ 18 ตุลาคม)
Splinterlands นั้นเป็น GameFi ซึ่งมีลักษณะแบบเกม Play-to-Earn ที่สามารถหารายได้ให้กับผู้เล่นได้ โดยทำงานอยู่บนเครือข่ายบล็อกเชน ‘Hive’ และมีผู้ใช้งานในวันดังกล่าวสูงถึง 389,550 ราย
ลักษณะของเกมนั้นเป็นเกมการ์ดที่ให้ผู้เล่นสะสมการ์ดแล้วนำไปใช้สู้กับผู้เล่นรายอื่น โดยการเลือกการ์ดจำนวน 3-6 ใบตาม Mana (ค่าพลัง) ที่กำหนดให้ และจัดเรียงตำแหน่ง โดยการ์ดแต่ละใบจะมีพลังเฉพาะต่างๆ ที่ไม่เหมือนกัน เช่น ความสามารถพิเศษ ความเร็ว หรือพลังโจมตี เป็นต้น
โดยในการแข่งขันระหว่างผู้เล่นนั้น ผู้ชนะจะได้รับเหรียญที่ชื่อว่า DEC (Dark Energy Crystals) ซึ่งเป็นโทเคนภายในเกม ไว้ใช้กิจกรรมต่างๆ ของเกม ด้วยความที่เกมส์ดังกล่าวทำงานบนบล็อกเชน โทเคนดังกล่าวจึงสามารถนำมาแลกเปลี่ยนกับมูลค่าในโลกจริงได้
สำหรับโทเคน DEC ปัจจุบัน (21 ตุลาคม) ราคาอยู่ที่ระดับ 0.44 บาท เทียบกับ 3 เดือนที่ผ่านมา ราคาปรับขึ้นมาแล้วราว 528%
Alien Worlds เป็น GameFi ซึ่งมีลักษณะแบบเกม Play-to-Earn เช่นกัน โดยที่สามารถหารายได้ให้กับผู้เล่นได้ ซึ่งทำงานอยู่บนเครือข่ายบล็อกเชน WAX, Ethereum, BSC โดยมีผู้ใช้งานในวันดังกล่าวสูงถึง 273,000 ราย
Alien Worlds นั้นเป็นเกมแนวการผจญภัยตั้งอาณานิคมบนดาวเอเลี่ยน ขุดทรัพยากร สะสมกำลังอาวุธ ชิงพื้นที่กัน ซึ่งได้นำระบบบล็อกเชนมาใช้ในการเล่นเกม โดยจุดเด่นของเกมนี้คือผู้เล่นจะสามารถขุดแร่ Trilium (TLM) ซึ่งเป็นโทเคนประจำเกมส และสามารถนำ NFT ภายในเกมมาซื้อขายของในเกม หรือนำมาซื้อขายแลกเปลี่ยนกันบนตลาดเงินดิจิทัล เพื่อสร้างรายได้เป็นสกุลเงินจริงๆ ได้อีกด้วย
สำหรับโทเคน Alien World (TLM) ปัจจุบันอยู่ที่ระดับราว 6.73 บาท เทียบกับช่วง 3 เดือนก่อนหน้านี้ ราคาลดลงราว 2.46%
Axie Infinity หนึ่งในเกม (GameFi) ที่มีส่วนในการปลุกกระแสฮิต Play-to-Earn ขึ้นมา โดยเกมดังกล่าวทำงานอยู่บนเครือข่าย Ethereum ซึ่งมีผู้ใช้งานในวันดังกล่าวอยู่ที่ 19,800 ราย
โดยคอนเซปต์ของเกม Axie Infinity คือเกมที่มีลักษณะเหมือนกับ Pokemon ที่ให้ผู้เล่น (Trainer) ไปเลี้ยง ฝึก ผสมพันธุ์ และสามารถนำสัตว์เลี้ยงที่เรียกว่า Axies ไปสู้กับ Axies ตัวอื่นๆ
การหารายได้ของเกม ‘Axie Infinity’ นั้นสามารถทำได้ 3 ทางด้วยกัน ได้แก่ การนำ ตัวละคร (Axies) ไปแลกเปลี่ยนเพื่อแปลงเป็นสกุลเงินในโลกความเป็นจริงได้ หรือผู้เล่นสามารถได้รายได้จากการขายเหรียญ SLP (โทเคนภายในเกม) ซึ่งได้รับจากการชนะบอตในเกมหรือการทำภารกิจในเกม หรือท้ายที่สุดผู้เล่นจะได้รับ AXS (โทเคนภายในเกม) จากการติดอันดับของระบบภายในเกม ซึ่งผู้เล่นสามารถนำโทเคนไปขายเพื่อแปลงเป็นสกุลเงินจริงๆ ได้เช่นกัน
สำหรับโทเคน AXS ของ Axie Infinity อยู่ที่ระดับราคาราว 4,258 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วง 3 เดือนก่อนหน้าราว 296%
ในขณะที่เหรียญ SLP ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโทเคนบนเกม Axie นั้น ราคาปรับขึ้นมาราว 76% จากเมื่อ 3 เดือนก่อนหน้านี้
เพราะเหตุใด GameFi จึงเป็นที่นิยม
ในช่วงเวลาที่กระแสของคริปโตเคอร์เรนซีกำลังเติบโตนั้น เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่โรคระบาดโควิดกำลังเกิดขึ้น ซึ่งทำให้ภาคการงานในเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างมาก ประกอบกับที่เงินจำนวนมากก็ถูกเพิ่มสภาพคล่องเข้ามาในระบบเศรษฐกิจ แต่ไปกระจุกตัวที่ตลาดการเงินเป็นอย่างมาก เลยเป็นช่วงเวลาที่ประจวบเหมาะให้คนจำนวนมากหันมาสนใจคอนเซปต์ ‘Decentralized’ หรือไร้ตัวกลางในคริปโตเคอร์เรนซี เพราะตัวกลางกำลังทำให้มูลค่าของเงินเสื่อมค่าไปเรื่อยๆ
เมื่อเป็นเช่นนั้น ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีจึงเป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ และดึงสภาพคล่องจากตลาดการเงินอื่นๆ เข้าได้สำเร็จ ก็เริ่มเกิดกระแสของ DeFi ที่ให้ทุกคนสามารถเป็นธนาคารได้เอง และสามารถทำเงินให้กับผู้ลงทุนเป็น Passive Income (รายได้จากสินทรัพย์) ได้จำนวนมาก
แต่ถึงอย่างนั้นเอง DeFi ก็เหมือนจะให้ผลตอบแทนได้ไม่สูงพอ สำหรับหลายๆ คนที่เริ่มติดใจในระบบของคริปโตเคอร์เรนซี และนั่นเองที่กระแสของ NFT (รูปแบบผลงานดิจิทัลที่อยู่บนระบบบล็อกเชน) ก็เริ่มเป็นคลื่นลูกถัดมา จนนำไปสู่การเป็น GameFi ที่สามารถทำเงินให้กับผู้คนจำนวนมากด้วยรูปแบบ Play-to-Earn จนกระทั่งบางรายสามารถหารายได้แทนงานประจำได้เลยด้วยซ้ำ ทั้งนี้ ผู้เล่นหรือผู้ลงทุนจำเป็นต้องมีความรู้ ความเข้าใจใน Tokenomics หรือหลักเศรษฐศาสตร์ของเกมหรือโทเคนนั้นๆ ด้วย
ความเสี่ยงมีอะไร
แม้สิ่งที่เรากล่าวมาทั้งหมดอาจดูเหมือนเป็นเพียงแค่เกม แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าเกมที่เรากล่าวมานั้นเป็น GameFi ซึ่งมีการนำมูลค่ามาแลกเปลี่ยนกับเงินบนตัวเกม ดังเช่นการลงทุนประเภทอื่นๆ ที่คุณได้สิทธิอะไรบางอย่างมาแลกกับเงินที่คุณลงทุนไป
ดังนั้นแล้ว เมื่อคุณนำเงินลงไปในเกมที่เป็น GameFi ก็ต้องไม่ลืมว่าหากกระแสของเกมใดก็ตามหมดไป โทเคนหรือเหรียญที่คุณเข้าไปซื้อเพื่อใช้ในเกมก็ย่อมมีมูลค่าลดลงตามกฎของดีมานด์-ซัพพลาย หรือเลวร้ายสุดอาจจะสูญมูลค่าไปเลยก็ได้ ซึ่งนี่ถือเป็น ‘ความเสี่ยง’ ที่พึงต้องระวังในระยะยาว
หมายเหตุ: บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะสนับสนุนให้ลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีหรือ GameFi ใดๆ สำหรับผู้สนใจลงทุน (เล่นเกมดังกล่าว) ควรต้องใช้ความระมัดระวัง และต้องเป็นผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง เนื่องจากมูลค่าเหรียญภายในเกมมีความผันผวนค่อนสูง เช่นเดียวกับการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี
อ้างอิง:
