ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการล้างเครื่องสำอางนั้น บางครั้งก็เกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ที่มักเข้าใจว่าทำอย่างไรก็ได้ให้สามารถลบเอาเครื่องสำอางที่อยู่บนผิวหน้าออกไปให้หมดจดและสะอาดที่สุด โดยที่ลืมคิดไปว่าการล้างเครื่องสำอางบนผิวให้สะอาดนั้นถูกต้องก็จริง แต่ก็ต้องรบกวนผิวให้น้อยที่สุดเพื่อลดความเสียหายและลดแรงเสียดสีที่สร้างความระคายเคืองให้กับผิวจนนำไปสู่ปัญหาผิวอื่นที่ตามมาได้ ดังนั้น THE STANDARD POP จึงรวบรวมทุกความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการล้างเครื่องสำอางมาฝากผู้อ่าน ให้ได้นำไปปรับและแก้ไขให้เป็นการล้างเครื่องสำอางที่ถูกต้อง เพื่อให้ผิวหน้าสะอาดและได้รับการปฏิบัติอย่างอ่อนโยนมากที่สุด
ดังนั้นเราไปเริ่มต้นกันที่การไขข้อสงสัยเกี่ยวกับการล้างเครื่องสำอางก่อนเลย ซึ่งโดยมาก เรื่องที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับการล้างเครื่องสำอางมีดังนี้
- ถ้าไม่ได้แต่งหน้าเยอะ ล้างด้วยโฟมล้างหน้าธรรมดาก็เพียงพอ
- ล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่เป็นออยล์จะยิ่งทำให้สิวขึ้น
- ลบเครื่องสำอางด้วยการเช็ดแรงๆ ถึงจะลบออกหมด
- ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางจะใช้แบบไหนก็เหมือนกัน
- ล้างเครื่องสำอางใช้น้ำเย็นจะทำให้ผิวชุ่มชื้นไปด้วย
- ล้างเครื่องสำอางออกจากผิวหน้า ยิ่งล้างนานๆ ยิ่งสะอาด
เอาล่ะ เมื่อมีเรื่องที่เข้าใจผิดกันเยอะขนาดนี้ เราจะพาผู้อ่านไปแก้ไขความใจผิดเหล่านั้นกันทีละข้อกันเลย จะได้ปรับเปลี่ยนให้ถูกต้องเหมาะสม และลดการรบกวนผิวที่มากเกินไป เราจะได้มีผิวที่สะอาดหมดจด และคงความอ่อนเยาว์อย่างยาวนาน
1. ไม่ว่าจะแต่งหน้าน้อยหรือมากก็ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางอยู่ดี
เกี่ยวกับความเชื่อที่ว่า ถ้าไม่ได้แต่งหน้าเยอะ ล้างด้วยโฟมล้างหน้าธรรมดาก็น่าจะเพียงพอ จริงๆ แล้วไม่พอ เพราะในเครื่องสำอางแต่ละชนิด แม้จะถูกแต่งแต้มบนผิวด้วยโทนสีที่ดูเบาบาง แต่เมกอัพบางอย่างก็มีสารเคมีและส่วนผสมที่สามารถอุดตันหรือมีความมันตกค้างอยู่บนผิวได้ ดังนั้นหากใช้เพียงโฟมล้างหน้าที่ไม่ได้มีคุณสมบัติในการลบเครื่องสำอางอาจทำให้การล้างหน้าไม่สะอาดเพียงพอ จึงควรเช็ดผิวอย่างอ่อนโยนด้วยผลิตภัณฑ์ลบเครื่องสำอางจนสำลีสะอาด จากนั้นค่อยล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าตามสภาพผิว
2. ล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ประเภทออยล์ไม่ได้ทำให้สิวขึ้น แต่การล้างไม่สะอาดต่างหากที่ทำให้สิวขึ้น
จากความเชื่อว่าล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่เป็นออยล์จะยิ่งทำให้สิวขึ้นเพราะมีน้ำมันเป็นส่วนประกอบนั้นไม่จริงเลย การเลือกคลีนซิ่งออยล์ในยุคปัจจุบันได้รับความนิยมสูง เพราะช่วยละลายเมกอัพได้ดี และสามารถทำความสะอาดเมกอัพประเภทกันน้ำได้ แต่ก็จะมีข้อระวังตรงที่พอเป็นประเภทน้ำมันจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีสารลดแรงตึงผิวประกอบที่ช่วยดูดสสารที่ต่างกัน เช่น น้ำกับน้ำมัน เพื่อให้สสารทั้งสองรวมตัวกันง่ายขึ้น เพื่อให้น้ำสามารถล้างส่วนประกอบที่เป็นน้ำมันออกได้ง่ายขึ้น ซึ่งสารลดแรงตึงผิวที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ล้างหน้าต่างๆ นี่แหละที่จะทำให้น้ำมันในเครื่องสำอางกลายสภาพเป็นน้ำนม ทำให้ล้างออกได้ง่ายขึ้น จึงต้องแน่ใจว่าตอนล้างหน้านั้นควรล้างให้สะอาดหมดจด ไม่ให้ส่วนที่เป็นน้ำมันหรือน้ำนมตกค้าง ควรเช็กบริเวณไรผมและกรอบหน้า แล้วล้างให้สะอาดด้วย
3. การเช็ดถูผิวแรงๆ คือการทำร้ายผิวอย่างหนัก
ใครที่ยังคิดว่าจะเช็ดเมกอัพออกจากบริเวณใบหน้า รอบดวงตา ถ้าเช็ดไม่แรงเมกอัพก็จะไม่หลุดออกมา หากทำแบบนั้นเป็นประจำมีโอกาสเสี่ยงสูงมากที่จะแก่ก่อนวัย อันเนื่องมาจากริ้วรอยเหี่ยวย่นที่เกิดจากการเช็ดถูผิวแรงๆ ดังนั้นเวลาเช็ดทำความสะอาดเมกอัพรอบดวงตาควรเช็ดอย่างเบามือ แนะนำให้เลือกใช้ประเภทคลีนซิ่งบาล์มที่นวดเมกอัพกันน้ำให้ละลายก่อน แล้วค่อยเช็ดด้วยคลีนซิ่งวอเตอร์ หรือล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าที่ตรงกับสภาพผิว
4. ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางจะใช้แบบไหนก็เหมือนกัน
ทุกผลิตภัณฑ์ที่ทำหน้าที่ล้างเครื่องสำอาง แม้จะมีปลายทางเดียวกันคือการทำให้ผิวหน้าสะอาด ปราศจากเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกตกค้าง แต่ระหว่างทางในการใช้ผลิตภัณฑ์แต่ละประเภทก็ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นควรเลือกผลิตภัณฑ์ตามคุณสมบัติที่เหมาะสมกับตัวเอง ซึ่งแต่ละชนิดของผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางมีดัง
- แบบครีม ข้อดีคือมีเท็กซ์เจอร์ที่พอดี เวลาล้างเครื่องสำอางจะช่วยป้องกันไม่ให้มือสัมผัสเสียดสีกับผิวมากเกินไป
- แบบน้ำนม มีความชุ่มชื้นต่อผิวสูง แต่ผลลัพธ์การทำความสะอาดน้อย เหมาะสำหรับล้างเครื่องสำอางที่เบาบางแบบไม่กันน้ำมากกว่า
- แบบเจล มีสารลดแรงตึงผิวสูง ทำให้รวมตัวเข้ากับเครื่องสำอางได้ง่าย จึงระคายเคืองผิวน้อย
- แบบน้ำ มีน้ำมันน้อย จึงรวมตัวกับเครื่องสำอางยาก ทำให้ต้องผสมสารลดแรงตึงผิวเข้าไปเยอะ ผลคือเสียดสีผิวโดยตรง ทำให้ระคายเคืองได้ง่าย
- แบบน้ำมัน มีน้ำมันผสมเยอะ ทำให้รวมตัวกับเครื่องสำอางง่าย ละลายง่าย แต่ก็มีสารลดแรงตึงผิวสูงเช่นกัน เวลาล้างนิ้วเสียดสีกับผิวเยอะ ต้องระวังให้เบามือที่สุด
- แบบแผ่น แทบไม่มีน้ำมันที่ทำให้เครื่องสำอางหลุดออกเลย จึงมีสารลดแรงตึงผิวที่สูงมาก แบบนี้จะระคายเคืองผิวมากที่สุด แม้จะใช้งานสะดวก แต่ก็ไม่ควรใช้บ่อย
5. ล้างเครื่องสำอางด้วยอุณหภูมิปกติก็เพียงพอ
ใครที่มีความเชื่อว่าหากใช้น้ำเย็นจะทำให้ผิวชุ่มชื้นไปด้วยนั้นไม่ดีต่อผิวเลย เพราะการล้างด้วยน้ำเย็นเกินไปจะทำให้ล้างน้ำมันออกได้ยาก ทำให้ใบหน้าไม่สะอาด แต่ถ้าล้างด้วยน้ำที่อุ่นมากเกินไปก็จะทำให้ผิวแห้ง ดังนั้นควรล้างหน้าด้วยน้ำอุณหภูมิปกติจะดีที่สุด หรือหากต้องการล้างด้วยน้ำอุ่นจริงๆ ไม่ควรเกิน 37 องศาเซลเซียส
6. ล้างเครื่องสำอางออกจากผิวหน้าใช้เวลาเพียง 1 นาทีก็เพียงพอแล้ว
พญ.โยะชิคิ โนะบุโกะ แนะนำว่าการล้างเครื่องสำอางนั้น แบ่งเป็น 2 ขั้นตอนคือ 60% เป็นขั้นตอนการเช็ดเครื่องสำอางออกจากผิว แล้วที่เหลืออีก 40% ก็ล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้า โดยเวลาล้างเครื่องสำอางนั้นควรใช้เวลาในการเกลี่ยผลิตภัณฑ์บนผิวหน้า 40 วินาที และใช้เวลาล้างน้ำออก 30 วินาที รวมทั้งหมด 1 นาทีก็เพียงพอ อย่าลืมเช็กบริเวณกรอบหน้า ไรผม ให้แน่ใจว่าล้างออกสะอาดหมดจด แล้วค่อยซับผิวหน้าด้วยผ้าขนหนูสะอาด