ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เงินทุนไหลเข้ากองทุน ETF ที่เน้นลงทุนในทองคำสุทธิกว่า 5.1 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือกว่า 1.6 ล้านล้านบาท ขณะที่สภาทองคำโลก (World Gold Council) คาดขาขึ้นของราคาทองคำรอบนี้อาจยาวกว่าที่ผ่านมา
เม็ดเงินที่ไหลเข้าสุทธิในกองทุน ETF ทองคำกว่า 5.1 หมื่นล้านดอลลาร์ มาจากอเมริกาเหนือ 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์ ยุโรป 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ เอเชีย 1 หมื่นล้านดอลลาร์ และภูมิภาคอื่นๆ อีก 501 ล้านดอลลาร์
เซาไก ฟาน หัวหน้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมประเทศจีน) และหัวหน้าฝ่ายธนาคารกลางระดับโลก ของสภาทองคำโลก กล่าวว่า ขาขึ้นของราคาทองคำครั้งนี้แตกต่างออกไป เพราะมันไม่ใช่แค่การตอบสนองต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ และการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในมุมมองของผู้คนที่มีต่อสถาบันดั้งเดิม เช่น ธนาคารกลางสหรัฐฯ รัฐบาลสหรัฐฯ และความเชื่อมั่นในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ
“ผมคิดว่านี่เป็นการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวมากกว่าการตอบสนองระยะสั้นต่อสถานการณ์อย่างโควิดในปี 2020 หรือวิกฤตการเงินในปี 2008 ปัญหาต่างๆ ในปัจจุบันเป็นปัจจัยระยะยาว ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง นั่นคือเหตุผลที่ผมคิดว่าขาขึ้นของทองคำรอบนี้มีความเป็นไปได้ที่อาจยาวกว่าครั้งก่อนๆ” เซาไกกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ทองคำไทย ‘ขาขึ้นถึงปีหน้า’ แม้ล่าสุดราคาทะลุ 54,000 บาทไปแล้ว อานิสงส์ดอกเบี้ยขาลง เศรษฐกิจโลกเปราะบาง ส่งผลคนแห่ตุนทอง เฉพาะครึ่งปีแรกดีมานด์พุ่ง 21% ดันไทยติด Top 10 โลก จ่อแตะ 56,000 บาทสิ้นปี
- ธนาคารกลางทั่วโลกสำรองทองคำมากกว่าพันธบัตรสหรัฐฯ ครั้งแรกนับแต่ปี 1996 ท่ามกลางราคาที่พุ่งทะลุ 3,500 ดอลลาร์
ทั้งนี้ หากย้อนกลับไปมองในอดีตที่ผ่านมา จะเห็นว่าขาขึ้นรอบใหญ่ของทองคำมีอยู่ 2 ช่วงสำคัญ คือ ช่วงทศวรรษที่ 1970s ที่ราคาทองคำเริ่มขยับจาก 35 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขึ้นไปสูงสุดที่เกือบ 900 ดอลลาร์ ในช่วงต้นปี 1980 ก่อนที่ทองคำจะร่วงลงมาอยู่ในกรอบ 200 – 500 ดอลลาร์ ยาวนานถึง 25 ปี
ถัดมาคือช่วงปี 2006 ที่ราคาทองคำทะลุ 600 ดอลลาร์ ได้อีกครั้ง ก่อนจะวิ่งขึ้นไปเกือบ 2,000 ดอลลาร์ ในปี 2011 หลังจากนั้นก็ใช้เวลาถึง 9 ปี จนมาถึงช่วงวิกฤตโควิด-19 กว่าที่ราคาทองคำจะกลับมาทะลุ 2,000 ดอลลาร์ ได้ในที่สุด
ส่วนขาขึ้นรอบนี้เริ่มจากช่วงต้นปี 2024 มาถึงปัจจุบัน ราคาทองคำวิ่งจาก 2,000 ดอลลาร์ มาสู่ระดับ 3,600 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นราว 80% ภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี
เซาไกกล่าวต่อว่า ธนาคารกลางทั่วโลกซื้อทองคำต่อเนื่อง แม้จะซื้อเพิ่มในอัตราที่ชะลอลง โดยไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ธนาคารกลางถือครองทองคำรวมกันเพิ่มขึ้น 166 ตัน
“3 ปีที่ผ่านมา ธนาคารกลางทั่วโลกซื้อทองคำรวมกันปีละกว่า 1,000 ตันต่อปี เพื่อลดผลกระทบจากความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก”
ความต้องการทองคำในไทยสูงอันดับ 7 ของโลก
เมื่อปี 2024 ความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำในไทยอยู่ที่ราว 40 ตัน เพิ่มขึ้น 17% จากปี 2023 สูงเป็นอันดับ 7 ของโลก ขณะที่ความต้องการทองคำโดยรวมของผู้บริโภคในประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ โดยปริมาณความต้องการทองคำรวมเพิ่มขึ้นถึง 12 ตัน หรือเติบโต 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในขณะที่ความต้องการเครื่องประดับทองคำในไทยสอดคล้องกับทิศทางตลาดโลก โดยปริมาณลดลง 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อโดยรวม แนวโน้มตลาดในภูมิภาคอาเซียนแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค โดยหันมานิยมเครื่องประดับที่มีความบริสุทธิ์ต่ำลง
จากการศึกษาพบว่าคนไทยมองทองคำเป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทนในระยะยาวและเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน โดยการเติบโตอย่างต่อเนื่องของแพลตฟอร์มการออมทองคำแท่งในรูปแบบดิจิทัล อาทิ แอปพลิเคชันเป๋าตังได้มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นความต้องการซื้อทองคำในตลาดให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ภาพ: Oliver Helbig / GettyImages
อ้างอิง: