เป็นครั้งที่ 54 แล้วสำหรับงานประชุมสุดยอดผู้นำโลก World Economic Forum (WEF) เพื่อหารือแนวทางรับมือความท้าทายด้านเศรษฐกิจกับธุรกิจต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในโลกปัจจุบันและมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในอนาคต
หนึ่งในประเด็นร้อนแรงที่สุด ณ เวลานี้ของแวดวงธุรกิจคงเป็นอื่นใดไปไม่ได้นอกเสียจากเรื่องของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งก็เป็นหนึ่งหัวข้อที่มีการพูดถึงมากที่สุดภายในงานประชุมครั้งนี้
สำหรับมุมมองที่ THE STANDARD WEALTH อยากจะนำมาเล่าต่อนั่นก็คือ วิธีการเตรียมตัวให้พร้อมกับยุคของ AI ที่มาถึงแล้วและพัฒนามากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับกลุ่มคนทำงานที่ต้องติดอาวุธให้เท่าทันเทคโนโลยีเพื่อป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
ทักษะที่ต้องมีในวันที่โลกไม่เหมือนเดิม
บนเวทีเสวนา Generative AI: Steam Engine of the Fourth Industrial Revolution เหล่าผู้เชี่ยวชาญเห็นตรงกันว่า AI เป็นเครื่องมือที่ไม่ต่างจากสื่อสิ่งพิมพ์และเครื่องจักรไอน้ำ 2 นวัตกรรมในอดีตที่พลิกโฉมวิถีชีวิตมนุษย์ในรอบหลายร้อยปี โดย AI ก็จะทำแบบนั้นเช่นเดียวกัน
“ถ้าเรายอมรับและเดินหน้าไปพร้อมกับ AI เราจะอยู่ต่อได้อย่างสมบูรณ์ แต่ถ้าใครไม่ยอมรับหรือแม้แต่ช้า คนกลุ่มนั้นก็จะลำบาก” Omar Sultan Al Olama รัฐมนตรีว่าการกระทรวง AI ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กล่าว
Arvind Krishna ซีอีโอและประธานบริษัท IBM ยังมีความเห็นว่าผลกระทบของ AI ต่องานจะอยู่ในระดับที่สูง โดยเฉพาะกับงานประเภท White-Collar หรือพูดง่ายๆ ก็คือพนักงานมนุษย์เงินเดือนทุกคน ตั้งแต่นักคณิตศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ แพทย์ หรือนักเขียน ก็จะได้รับแรงสั่นสะเทือนกันทั้งนั้น
พอได้รู้แบบนี้แล้ว คำถามต่อมาคือพวกเราจะทำอย่างไร? อะไรคือทักษะที่สำคัญในการอยู่รอดและทำให้เราเติบโตได้ในยุคที่ AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต?
คำตอบที่ผู้เชี่ยวชาญบนเวทีเห็นตรงกันในส่วนแรกก็คือทักษะ ‘การคิดวิเคราะห์’ โดยเหตุผลที่ทักษะนี้สำคัญเพราะเมื่อ AI สามารถแทนที่ฟังก์ชันงานซ้ำซ้อนที่ไม่ต้องอาศัยความคิดในระดับสูงได้แล้ว มนุษย์ก็ต้องปรับตัวทำให้การคิดวิเคราะห์กลายเป็นสิ่งที่จำเป็นไม่ว่าคนคนนั้นจะอยู่ในสายอาชีพไหนก็ตาม
อีกหนึ่งทักษะที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ‘ความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่’ โดย Julie Sweet ซีอีโอและประธานบริษัท Accenture กำหนดให้ทักษะดังกล่าวเป็นความสามารถที่พนักงานทุกคนในบริษัทต้องมี และเริ่มเช็กตั้งแต่การสัมภาษณ์เข้างานเลย
“เรามักจะถามคำถามนี้กับทุกๆ คนในทุกตำแหน่งที่จะเข้ามาร่วมงานกับเราว่า ใน 6 เดือนที่เพิ่งผ่านมา อะไรคือสิ่งใหม่ที่คุณได้เรียนรู้เพิ่มเติม? เราไม่ได้ให้น้ำหนักความสำคัญว่าคำตอบจะเป็นอะไร ทักษะใหม่อาจจะเป็นการทำขนมก็ได้ แต่หัวใจของคำถามนี้คือเราต้องการคนที่กระหายสิ่งใหม่เพื่อสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องในองค์กร”
AI ที่ฉลาดเท่ามนุษย์กำลังมาแล้ว แต่จะไม่เป็นภัยในระดับที่หลายคนกังวล
หากจะหารือกันในเรื่องของ AI โดยที่ไม่เอ่ยถึงคนคนนี้ก็อาจจะรู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างไป เขาคนนั้นคือ Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ที่ได้สนทนากับ Bloomberg ในงานประชุม WEF ครั้งนี้ ภายใต้หัวข้อพัฒนาการของ AI และอนาคตของมนุษย์ต่อจากนี้
Sam กล่าวถึงข้อกังวลที่ว่า วันหนึ่ง AI จะมีอำนาจเหนือมนุษย์จนเปลี่ยนความหมายของสิ่งต่างๆ รอบตัวของเรานั้น เป็นเรื่องที่ถูกตีแผ่ให้เกิดความกลัวจนเกินไป “มันจะเปลี่ยนโลกและงานของเราน้อยกว่าที่เรากังวลกันนะ”
สิ่งที่เขากำลังพูดถึงคือ Artificial General Intelligence (AGI) ปัญญาประดิษฐ์ประเภทที่ทำหน้าที่หรือชนิดของงานได้แบบเท่าเทียมหรือเหนือกว่าหนึ่งขั้นของความสามารถมนุษย์ ว่ามันกำลังถูกพัฒนาและเข้าใกล้สถานะที่เสร็จสมบูรณ์อีกไม่ช้า
ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม Sam มองว่าการมาของ AI ที่เราเห็นในปัจจุบันก็ไม่ได้แทนที่งานในระดับที่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนกังวล พร้อมทั้งยังบอกว่ามันเป็น “เครื่องมือที่น่าทึ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพ” ที่ตอนนี้ได้ถูกใช้อย่างสร้างสรรค์ในหลายแห่งแล้ว ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะตระหนักและยอมรับถึงความเป็นไปได้ว่า AI อาจส่งผลให้ความเหลื่อมล้ำสูงขึ้น แต่เขายังย้ำตามเดิมว่ามันคือเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อให้ประโยชน์กับมนุษย์ ให้มีผลิตภาพยิ่งขึ้น มากกว่าจะเป็นอะไรที่มาแย่งงานหรือทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ
โดยสรุป การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและการคิดวิเคราะห์เป็นทักษะที่ต้องมี “จากสถิติในอดีต ทักษะต่างๆ ของคนหนึ่งคนสามารถใช้งานได้ 30 ปี แต่มาตอนนี้มันเหลือแค่ประมาณ 7 ปีเท่านั้น นั่นหมายความว่าโดยเฉลี่ยเราจะต้อง Reskill ประมาณ 5 ครั้งตลอดระยะเวลาที่เราอยู่ในตลาดแรงงาน”
สุดท้ายสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญฝากไว้และทุกคนน่าจะเคยได้ยินกันบ่อยในโลกยุคนี้แล้วก็คือ “ความแน่นอนอย่างเดียวในโลกตอนนี้คือความไม่แน่นอน”
ภาพ: picture alliance
อ้างอิง: