×

เปิดเหตุผล ทำไม ‘บาทแข็ง’ แม้เจอมรสุมการเมือง สถิติชี้หลังยุบสภา บาทจะอ่อน

02.09.2025
  • LOADING...

เผยสถิติหลังยุบสภา เงินบาทไทยจะอ่อนค่าลง ในระยะสั้น ก่อนจะกลับมาแข็งค่า หลังความชัดเจนเรื่องการเลือกตั้งและนายกรัฐมนตรีเริ่มปรากฏ นักวิเคราะห์มอง ความไม่แน่นอนทางการเมือง หลัง ‘แพทองธาร’ หลุดนายกรัฐมนตรีไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเงินบาทมากนัก โดยปัจจัยหลักที่ทำให้บาทแข็งค่าในช่วงนี้คือ ทองคำขึ้น และดอลลาร์อ่อนค่า

 

เงินบาทไทยยังคงมีทิศทางแข็งค่าต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ แม้เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนทางการเมืองครั้งใหม่ โดยนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เงินบาทไทยยังแข็งค่าราว 6% YTD แข็งค่ากว่าหลายประเทศในภูมิภาค โดยวันนี้ เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบราว 32.26–32.41 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

 

เงินบาทไทยแข็งค่า สวนทางรูเปียห์อินโดนีเซีย แม้เจอการเมืองเหมือนกัน

 

พูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้เงินบาทแข็งค่า แม้การเมืองไทยมีความไม่แน่นอนสูงคือ ทองคำที่ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (New High) ต่อเนื่องและการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ

 

พูน ยังเปิดเผยว่า ปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมืองไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเงินบาทมากนัก เมื่อเปรียบเทียบกับอินโดนีเซีย ซึ่งมีประเด็นการเมืองเหมือนกัน

 

“จะพบว่า เงินรูเปียห์อินโดนีเซียอ่อนค่าชัดเจนไปเลย แต่เงินบาทไทยยังนิ่งกว่า ตามอานิสงส์ธีมดอลลาร์อ่อนค่าและทองคำขึ้น อีกส่วนหนึ่งมาจากปัญหาการเมืองไทยไม่ได้รุนแรงเท่าอินโดนีเซีย ที่เกิดการประท้วงจนนำไปสู่การเสียชีวิต นอกจากนี้ ยังไม่เห็นกระแสการขายสินทรัพย์ไทยของนักลงทุนต่างชาติที่หนักหน่วง”

 

SCB FM มองการเมืองไทยยังไม่ส่งผลต่อเงินบาทมากนัก

 

สอดคล้องกับ แพททริก ปูเลีย รองผู้จัดการใหญ่ Head of Financial Markets Function ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจัยที่ทำให้บาทยังแข็งค่าต่อได้มาจากดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐที่ยังคงอ่อนค่าต่อเนื่อง เนื่องจากปัจจัยดังนี้

 

  1. เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย
  2. ทรัมป์ปลดลิซา คุก (Lisa Cook) จากตำแหน่ง Fed governor
  3. ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ มีมติว่านโยบาย Tariffs ของทรัมป์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย (แต่ยังให้บังคับใช้ต่อได้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด)
  4. ราคาทองคำที่สูงขึ้นยังหนุนให้เงินบาทแข็งค่าตาม และแข็งค่ามากกว่าสกุลอื่นในภูมิภาค
  5. ปัจจัยในประเทศคือ เศรษฐกิจไทย (GDP) ในไตรมาส 2 ออกมาดีตามคาด

 

คาด ธปท. พยายามดูแลเสถียรภาพเงินบาท

 

ทั้งนี้ SCB FM พบว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้าดูแลการแข็งค่าของเงินบาท โดยเห็นว่าเงินบาทได้รับแรง support ที่ระดับราว 32.25 ซึ่งอาจสะท้อนการเข้าแทรกแซงโดยการขายเงินบาทเทียบต่อดอลลาร์สหรัฐออกมา ทำให้บาทยังไม่สามารถแข็งค่าต่ำกว่าระดับนี้ได้

 

แนวโน้มเงินบาทขึ้นอยู่กับฉากทัศน์การเมืองไทยเป็นสำคัญ

 

แพททริกมองว่า แนวโน้มเงินบาทจะขึ้นอยู่กับฉากทัศน์การเมืองไทยเป็นสำคัญ โดยปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อตลาดการเงินไทยคือ การประกาศใช้ พ.ร.บ. งบประมาณปี 2569 ว่าจะถูกเลื่อนออกไปหรือไม่ และจะมีการประกาศยุบสภาหรือไม่ 

 

ขณะที่การเลือกแคนดิเดตนายกฯ จะมีนัยต่อการเมืองในระยะต่อไปอย่างมาก แต่จะไม่ส่งผลต่อเงินบาทมากนัก โดยหากสามารถโหวตเลือกนายกฯ ได้เร็ว ไม่ว่านายกฯ จะมาจากพรรคภูมิใจไทยหรือพรรคเพื่อไทย คาดว่าเงินบาทจะไม่ผันผวนแรง และยังทรงตัวในระดับแข็งค่าต่อไปได้

 

อย่างไรก็ดี หากการโหวตยืดเยื้อ หรือไม่สามารถหาข้อตกลงได้ หรือนำไปสู่การยุบสภา อาจทำให้เงินบาทผันผวน และอ่อนค่าลงได้

 

เผยสถิติหลังยุบสภา เงินบาทไทยอ่อนค่า ในระยะสั้น

 

พูนเปิดเผยว่า อ้างอิงจากสถิติตั้งแต่ปี 2544 เมื่อเกิดการยุบสภา ค่าเงินบาทจะอ่อนทันที เกือบ 2% ในระยะสั้น ก่อนจะกลับมาแข็งค่า หลังความชัดเจนเรื่องการเลือกตั้งและนายกรัฐมนตรีเริ่มปรากฏ

 

“หากเกิดการยุบสภาจริงน่าจะเกิดผลกระทบต่อตลาด เนื่องจากจะเกิดความไม่ต่อเนื่องของนโยบาย ซึ่งนักลงทุนอาจไม่ชอบ นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงเกี่ยวกับการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ เนื่องจากรัฐบาลใหม่อาจมีนโยบายไม่เหมือนเดิม” พูนกล่าว

 

 

ขณะที่ หลังการเลือกตั้ง โดยเฉลี่ยจากสถิติ ค่าเงินบาทจะแข็งแค่ช่วงสั้น ก่อนจะอ่อนค่าลงมาก็ 2-3% โดยเฉลี่ย

 

โดยพูนอธิบายเหตุผลว่า “หลังจากการเลือกตั้งเสร็จ 1 เดือน เงินบาทยังพอแข็งค่าขึ้นอยู่บ้าง เนื่องจากหลังการเลือกตั้ง ทุกคนก็มีความหวัง แต่พอเลือกตั้งเสร็จสักพัก ไทยมักจะเกิดความวุ่นวาย เช่น ไม่รู้ว่าใครจับกับใคร จะเกิดรัฐประหารหรือไม่ ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้” 

 

 

จับตาปัจจัยส่งผลต่อ ‘เงินบาท’ ที่ต้องติดตามต่อ

 

วชิรวัฒน์ บานชื่น นักกลยุทธ์ตลาดการเงินอาวุโส ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า สำหรับประเด็นอื่นที่อาจกระทบเงินบาท และต้องติดตาม ได้แก่

 

  1. คำตัดสิน Supreme Court ของสหรัฐฯ ต่อประเด็นอำนาจในการดำเนินนโยบาย Tariffs ของทรัมป์
  2. แนวโน้มการลดดอกเบี้ยของ Fed และจะสามารถลดดอกเบี้ยได้ต่อเนื่องหรือไม่ และ Terminal rate จะอยู่ที่เท่าไหร่ ซึ่งการปลด Fed Governor และแต่งตั้ง Fed Chair ที่จะมาดำรงตำแหน่งแทน Powell ในปีหน้า จะส่งผลต่อ tone ของคณะกรรมการ FOMC

 

วชิรวัฒน์ มองว่า USDTHB ที่ราว 31.70-32.20 เป็นระดับที่ผู้นำเข้าอาจพิจารณาซื้อได้ โดยหากการเมืองไทยได้ข้อสรุปเร็ว และเลขตลาดแรงงานสหรัฐฯ ออกมาอ่อนแอต่อเนื่อง ก็อาจทำให้ดัชนีเงินดอลลาร์อ่อนค่าต่อ และเงินบาทแข็งค่าได้ นอกจากนี้ US Yields ที่ลดลงหนุนให้ราคาทองสูงขึ้น และอาจทำให้บาทแข็งค่าต่อได้เช่นกัน

 

แต่หาก USDTHB อยู่ที่ระดับราว 32.40-32.90 วชิรวัฒน์ มองว่าเป็นระดับที่ผู้ส่งออกอาจพิจารณาขายได้ โดยหากการเมืองไทยยังไม่นิ่ง และเกิดความไม่แน่นอนขึ้น เช่น ยังไม่สามารถโหวตเลือกนายกฯ ในสัปดาห์นี้ คาดว่าเงินบาทอาจอ่อนค่าในช่วงสั้น ซึ่งจะเป็นจังหวะให้ผู้ส่งออกขาย USDTHB ได้ นอกจากนี้ อาจพิจารณาซื้อ Options เพื่อปิดความเสี่ยงการเมือง

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising