ทุกคนต่างคุ้นเคยกับเซ็นทรัลชิดลมที่ด้านนอกอาคารมีลักษณะคล้ายกับอาคารในยุโรป ฟาซาดที่เป็นอิฐสีน้ำตาลและหน้าต่างทรงสูงที่ให้ความรู้สึกหรูหราและโมเดิร์น
แต่การรีโนเวตด้วยงบ 4 พันล้านบาท ทำให้เซ็นทรัลชิดลมมีฟาซาดที่เปลี่ยนไป กลายเป็นอาคารด้านนอกที่เป็นกระจกสีขาวขุ่น ซึ่งถูกระบุว่าสามารถเปลี่ยนแปลงสีสันได้ตามสภาพอากาศ และทาสีใหม่ที่ตั้งชื่อว่า Chidlom Pink
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘รีนาเชนเต’ ห้างเก่าแก่อายุกว่า 100 ปีของอิตาลีที่มี ‘เซ็นทรัล รีเทล’ จากไทยเป็นเจ้าของ
- เซ็นทรัล รีเทล โชว์กำไร Q3 พุ่ง 86% เร่งขยายสาขารับไฮซีซัน พร้อมส่งไม้ต่อ ‘สุทธิสาร’ นั่งซีอีโอคนใหม่
- ร้าน REV RUNNR ตกเป็นของซูเปอร์สปอร์ต หลังบริษัทแม่ CRC ให้เงิน 468 ล้านบาทเข้าซื้อหุ้น 75% ขยายสู่ธุรกิจ Performance Sports เต็มตัว
จุดนี้เองทำให้มีทั้งเสียงที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยจากผู้คนที่ได้พบเห็น ว่าการเป็นอาคารหรูก็ดีอยู่แล้ว จะเปลี่ยนทำไม ซึ่ง THE STANDARD WEALTH ไปหาคำตอบมาให้เรียบร้อยแล้ว
จริงๆ แล้วเซ็นทรัลชิดลมมีการรีโนเวตใหญ่มาแล้วถึง 3 ครั้ง ในยุคแรกเริ่มนั้นเป็นอาคาร 3 ชั้นที่เปิดในปี 2517 ตามความคิดเห็นของ ‘สัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์’ ที่อยากสร้างห้างที่เป็นแบบ One Stop Service ขึ้นมาเป็นห้างแรกในกรุงเทพฯ
หลังจากนั้นอีก 10 ปีต่อมาได้ต่อเติมให้เพิ่มขึ้นเป็น 7 ชั้นด้วยดีไซน์เดิม ก่อนที่ในปี 2540 จะรีโนเวตให้ด้านนอกมีความโมเดิร์น ซึ่งเป็นลักษณะของอาคารที่ทันสมัยในยุคนั้น โดยสร้างฟาซาดเป็นอิฐสีน้ำตาลให้ความรู้สึกหรูหรา
ซึ่งการรีโนเวตในปี 2567 นั้น หากมองจากรูปคือการกลับไปใช้ดีไซน์ดั้งเดิมที่สร้างขึ้นเมื่อ 50 ปีที่แล้วโดยบังเอิญ แต่เปลี่ยนให้ทันสมัยขึ้นจากกระจกและจอ LED ที่ซ่อนอยู่ด้านหลัง
เซ็นทรัลชิดลมหลังจากรีโนเวตในปี 2527 โดยมีการเพิ่มความสูงจาก 3 ชั้นเป็น 7 ชั้น
การเปลี่ยนแปลงนี้มีนัยที่ซ่อนอยู่ เพราะทิศทางต่อไปของเซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) อันเป็นบริษัทแม่ของห้างเซ็นทรัล ที่ต้องการปรับเปลี่ยนธุรกิจไปสู่ Media Company หรือสร้างรายได้จากทรัพย์สิน เช่น อาคารที่มีอยู่ซึ่งได้เปรียบด้วยทำเล
Media Company นั้นได้เริ่มใช้แล้วกับ ‘รีนาเชนเต’ ห้างเก่าแก่อายุกว่า 100 ปีที่มีอยู่ 9 สาขาใน 8 เมืองสำคัญทั่วอิตาลี และปัจจุบันมีเซ็นทรัล รีเทลเป็นเจ้าของจากการเข้าซื้อเมื่อ 13 ปีก่อน
กลยุทธ์ Media Company เกิดจากการมองว่าอาคารของห้างเป็นเหมือนสื่อสิ่งพิมพ์หรือเวที ที่แบรนด์สามารถมานำเสนอจุดเด่นและบอกเล่าเรื่องราวความเป็นตัวเองได้ในพื้นที่ของห้าง เห็นได้จากโปรเจกต์ Brand Take Over ที่รีนาเชนเตร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง
เช่น CHANEL BEAUTY จัดกิจกรรม CHANEL WONDERLAND แปลงโฉมรีนาเชนเตสาขามิลานด้วยการประดับส่วนหน้าของอาคารด้วยไฟโทนสีทอง พร้อมทั้งตกแต่งไฟให้มีลูกเล่นเป็นคำว่า CHANEL เพื่อสื่อถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์ ถือเป็นการขยายฐานลูกค้า ทำให้เกิดการบอกต่อในวงกว้างและเสริมสร้างชื่อเสียงให้กับรีนาเชนเตไปในตัว
THE STANDARD WEALTH เป็นหนึ่งในสื่อที่ได้ไปเยือนรีนาเชนเตถึงอิตาลีในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และได้ฟังเป้าหมายจากปากของ ปิแอร์ลุยจิ ค็อคคินี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารรีนาเชนเต ที่คาดว่าในปีนี้จะมีรายได้จากการเป็น Media Company กว่า 7 ล้านยูโร หรือ 270 ล้านบาทด้วยกัน
สำหรับในไทยการเป็น Media Company จะเกิดขึ้นก่อนกับห้างเซ็นทรัลชิดลม โดยจะใช้อาคารฝั่งถนนเพลินจิตที่มีช่องอยู่สร้างเป็น Window Display ส่วนฝั่งถนนชิดลมที่เห็นมุมได้กว้างกว่าก็เป็นกระจกและจอ LED ที่เปิดโอกาสให้ Brand Take Over พื้นที่ได้
และอีกแห่งที่จะทำคือห้างเซ็นทรัลสาขาเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งจะมีการปรับปรุงในส่วนที่ติดถนนพระราม 1 ให้สอดรับกับการเป็น Media Company
สำหรับการรีโนเวตเซ็นทรัลชิดลมนั้น นอกจากภายนอกที่เปลี่ยนไป ภายในก็เปลี่ยนไปเช่นกัน โดยเปิดทางเข้าใหม่ Sky Terrace ที่เชื่อมจากรถไฟฟ้า BTS สถานีชิดลมเข้าสู่เซ็นทรัลชิดลมที่ชั้น 1 โซนลักชัวรีได้โดยตรง
ซึ่งโซนลักชัวรีถือเป็นโซนใหม่ที่เพิ่มเข้ามาอย่างเป็นทางการ คิดเป็นพื้นที่ราว 20% ที่มีลักษณะเป็น Shop in Shop รวบรวมแบรนด์หรูระดับโลกมากมาย เช่น Bottega Veneta, Balenciaga, Burberry, CELINE, Dolce & Gabbana, FENDI, Gucci, KENZO, LOEWE, Louis Vuitton, Miu Miu, MISSONI, Prada, Roger Vivier, Versace และ CHANEL
การเพิ่มโซนลักชัวรีขึ้นมาเป็นไปตามเทรนด์พฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่หันมาซื้อสินค้าหรูมากขึ้น ทำให้คาดว่าในไทยตลาดนี้มีมูลค่ากว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.7 แสนล้านบาท
อีกทั้งยังเป็นการตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า CENFINITY และกลุ่ม Wealth & Premium ซึ่งใช้จ่ายปีละ 6 ล้านบาทต่อปี ที่มีราว 7,000 คนด้วยกัน โดยเมื่อเจาะลงไปพบว่าลูกค้าใช้จ่ายที่เซ็นทรัลชิดลมราว 20,000 บาทต่อครั้ง สูงกว่าห้างอื่นๆ ที่อยู่ราว 10,000 บาทต่อครั้งเท่านั้น
“เซ็นทรัลชิดลมเป็นห้างลักชัวรีระดับโลกแห่งเดียวของประเทศไทยที่สมบูรณ์แบบที่สุดใจกลางกรุงเทพฯ เพื่อให้ทุกคนสามารถ Curate Lifestyle ความเป็นตัวตนได้อย่างอิสระ เพราะความลักชัวรีไม่ได้ถูกกำหนดด้วยราคาเท่านั้น แต่คือการสร้างเอกลักษณ์หรือรสนิยมของทุกคนในแต่ละไลฟ์สไตล์” ณัฐธีรา บุญศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ระบุ
แม่ทัพของห้างเซ็นทรัลยังกล่าวด้วยว่า แม้จะยังรีโนเวตห้างไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ภายใน 6 เดือน (1 มิถุนายน – 30 พฤศจิกายน 2567) มียอดขายเติบโตสูงถึง 25% แล้ว และในปี 2568 เมื่อเสร็จสมบูรณ์แล้วตั้งเป้าว่าจะสร้างยอดขายเติบโตเป็น 30% อีกทั้งยังประเมินว่าทราฟฟิกจะเพิ่มจาก 25,000 หมื่นคนต่อวันเป็น 30,000 คนต่อวัน
เพื่อโปรโมตโฉมใหม่ของเซ็นทรัลชิดลม ได้ดึง นัมจูฮยอก มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรก ที่จะบินลัดฟ้าร่วมงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ธันวาคม ซึ่งนี่ถือเป็นอีเวนต์ครั้งแรกในต่างประเทศหลังออกจากการรับราชการทหารของนักแสดงหนุ่มคนนี้อีกด้วย