สำหรับสโมสรที่ขึ้นชื่อว่ามีการวางแผนเตรียมการทุกอย่างอย่างดีที่สุด ละเอียดทุกขั้นตอน และนำหน้าคู่แข่งเสมอ ซื้อ-ขายผู้เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมมาโดยตลอดอย่างลิเวอร์พูล การถูกเชลซีคว้าตัวทั้ง มอยเซส ไกเซโด และ โรเมโอ ลาเวีย (ล่าสุดเข้ารับการตรวจร่างกายเรียบร้อยแล้ว) ถือเป็นการทำลายชื่อเสียงที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน
คนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักชนิดที่ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้คือ ยอร์ก ชมัดท์เค ผู้อำนวยการสโมสรที่มารับงานชั่วคราวเป็นระยะเวลาสั้นๆ ในช่วงตลาดการซื้อ-ขายช่วงซัมเมอร์นี้ เพื่อทดแทน จูเลียน วอร์ด ผู้อำนวยการสโมสรคนเดิมที่อำลาตำแหน่งไปทั้งๆ ที่เพิ่งรับช่วงต่อจาก ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส สุดยอดไดเรกเตอร์ระดับตำนาน ได้แค่เพียงฤดูกาลเดียว
หลายวันที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลยังไม่มีข่าวถึงเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ตกที่นั่งลำบากอย่างมาก เพราะเป้าหมายตัวหลักอย่างลาเวีย ที่เป็นนักเตะแห่งอนาคต ไปจนถึงไกเซโด หนึ่งในกองกลางตัวรับที่ดีที่สุดของพรีเมียร์ลีก พลาดไปหมดแบบน่าขายหน้า ครั้นจะบากหน้าไปหาคนอื่น สโมสรอื่นก็จะรู้แล้วว่าลิเวอร์พูลมีงบประมาณในมือและต้องการนักเตะอย่างหนัก เกมอยู่ในมือผู้ขายมากกว่าผู้ซื้อ
แต่แล้วในเช้าวันนี้ เดอะค็อปทั้งไทยและทั่วโลกต่างต้องตกตะลึง เมื่อปรากฏข่าวว่า ลิเวอร์พูลบรรลุข้อตกลงในการซื้อตัว วาตารุ เอนโดะ กองกลางตัวรับกัปตันทีมสตุ๊ตการ์ต และเป็นเจ้าของปลอกแขนกัปตัน ‘ซามูไรบลู’ ทีมชาติญี่ปุ่น
นี่เป็นการซื้อที่ถูกต้องและถูกตัวหรือไม่? จะเป็น เจมส์ มิลเนอร์ คนที่ 2 หรือ อาร์ตู เมโล คนใหม่?
กัปตันทีมคนเก่งของสตุ๊ตการ์ต
ดีลลับเกินไป
ต้องบอกว่าดีลการซื้อ วาตารุ เอนโดะ มาแบบไม่คาดฝัน ไม่มีใครรู้เรื่องราวมาก่อน จนกระทั่งช่วงกลางดึกก่อนรุ่งสางของเช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (ตามเวลาประเทศไทย) ก็เริ่มมีกระแสข่าวว่า ลิเวอร์พูลพร้อมเปิดการเจรจากับสตุ๊ตการ์ต เพื่อซื้อกัปตันทีมวัย 30 ปีมาร่วมทัพ
การเจรจาทุกอย่างเกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็วแบบงงๆ โดยที่ไม่มีอะไรติดขัด
โดยเฉพาะในรายของเอนโดะที่แสดงออกชัดเจนว่าต้องการจะย้ายมาแอนฟิลด์ เนื่องจากโอกาสในการได้เล่นพรีเมียร์ลีกเป็นความฝันของเขา (เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้) ดังนั้นเมื่อได้โอกาสที่ไม่คาดฝันมาแบบนี้ เขาพร้อมจะคว้ามันไว้ทันทีโดยไม่ลังเล
ทางด้านสตุ๊ตการ์ตเอง ซึ่งประสบปัญหาเรื่องของสัญญาเอนโดะที่เหลือถึงแค่สิ้นสุดฤดูกาลนี้ (หมดในปี 2024) โดยที่ยังไม่สามารถจัดแจงต่อสัญญาใหม่ได้ มองเห็นโอกาสเช่นกันว่า ระหว่างการยอมให้เสียนักเตะไปแบบฟรีๆ กับการได้เงินกลับมาแม้จะไม่มาก อย่างหลังย่อมดีกว่า
ข้อเสนอ 20 ล้านยูโรของลิเวอร์พูล จึงได้รับการตอบรับอย่างรวดเร็ว และเอนโดะก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้การย้ายทีมเกิดขึ้นทันที
แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของการเจรจามากนัก แต่เป็นที่เชื่อกันว่าดีลนี้เป็นดีลที่ ยอร์ก ชมัดท์เค เดินเรื่องด้วยตัวเอง เพื่อเป็นการแก้ตัวจากการเสียหน้าครั้งใหญ่ ที่ทำให้ลิเวอร์พูลพลาดทั้งการได้ตัวไกเซโดและลาเวีย
เอนโดะเป็นนักเตะที่อาจจะไม่โด่งดัง แต่ถือเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่โดดเด่นของบุนเดสลีกา ซึ่งสังเกตได้จากการกล่าวยกย่องของบรรดานักข่าวสายเยอรมนีไปจนถึงแฟนฟุตบอลของสตุ๊ตการ์ตเองที่บอกว่า ครั้งนี้ลิเวอร์พูลได้ ‘ของดี’
แต่คำถามที่แฟนบอลเดอะค็อปทั่วโลกจำนวนไม่น้อยสงสัยคือ
ดีจริงทำไมไม่มีทีมใหญ่คว้าไป?
คอนนิจิวะวาตารุซัง
สำหรับ วาตารุ เอนโดะ เริ่มต้นการค้าแข้งในบ้านเกิดกับสโมสรโชนัน เบลมาเร และอุราวะ เรด ไดมอนด์ส โดยประสบความสำเร็จถึงขั้นคว้าแชมป์เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกในปี 2017
หลังจากนั้นจึงได้ย้ายมาอยู่กับสโมสรแซงต์-ตรุยเดน ในลีกเบลเยียม ก่อนจะมีโอกาสย้ายมาสตุ๊ตการ์ตด้วยสัญญายืมตัวในปี 2019 และสามารถทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ มีส่วนในการพาทีมม้าขาวผงาดกลับมาเล่นในบุนเดสลีกาได้ จนทำให้ได้ย้ายมาร่วมทีมแบบถาวร
3 ฤดูกาลจากนั้น เอนโดะลงเล่นเป็นแกนหลักให้กับสตุ๊ตการ์ตอย่างสม่ำเสมอ จนถึงขั้นได้รับเลือกให้เป็นกัปตันทีมเลยทีเดียว และยังทำไปถึง 12 ประตู กับ 11 แอสซิสต์ สำหรับบทมิดฟิลด์ตัวรับแล้วถือว่าเป็นจำนวนที่ไม่น้อย
ตำแหน่งการเล่นของเอนโดะที่ถนัดที่สุดคือการยืนเป็นกองกลางตัวรับ แต่ไม่ได้เป็นกองกลางตัวรับที่มีหน้าที่ในการทำลายเกมอย่างเดียว ยังมีความสามารถในการที่จะสร้างเกมจากแนวลึกในแบบ Deep-Lying Playmaker ได้ด้วย เพราะสามารถเปิดบอลขึ้นหน้าได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะบอลเรียดตามช่อง และมีความคล่องแคล่วพอที่จะพาบอลลัดเลาะขึ้นหน้าได้ แม้จะไม่ได้เป็นคนที่มีความเร็วสูงมากนักก็ตาม
จุดเด่นอีกเรื่องคือความแข็งแกร่งที่สูงมาก ลำหักลำโค่นดี ไม่มีคำว่าเอาลงง่ายๆ แม้จะสูงแค่ 178 เซนติเมตร และมีหัวใจนักสู้สไตล์บูชิโด สมเป็นนักเตะเลือดซามูไรที่พร้อมทุ่มเททุกหยาดหยดลงในสนาม เรื่องนี้ทำให้เขาได้รับการยกย่องเป็นอย่างมาก
ไม่นับความอเนกประสงค์ที่สามารถเล่นได้ไม่ว่าจะเป็นกองกลางตัวรับหรือจะถอยลงมายืนเป็นกองหลังก็สามารถทำได้เช่นกันโดยไม่เคอะเขิน เนื่องจากเป็นผู้เล่นที่อ่านทางดีและมีจังหวะในการเข้าสกัดที่ยอดเยี่ยม
สิ่งเดียวที่ทำให้เขายังไม่เคยได้รับโอกาสจากสโมสรใหญ่คือ การเป็นผู้เล่นที่ไม่ได้มีความโดดเด่นมากนัก ไม่ได้เป็นนักเตะในระดับสตาร์ที่โด่งดังตั้งแต่อายุน้อยๆ เหมือน ทาเคฟุสะ คุโบะ หรือ ทาคุมิ มินามิโนะ
แต่อย่างที่บอกว่าในวงการฟุตบอลเยอรมัน เอนโดะเป็นหนึ่งในกองกลางตัวรับที่ได้รับการยกย่องอย่างสูง
ตัวไม่ใหญ่ แต่การดวลลูกกลางอากาศสุดยอด!
แก้ปัญหาด้วยการคิดนอกกรอบ
สิ่งที่น่าสนใจในดีลนี้คือ ทำไมลิเวอร์พูลถึงเลือกเอนโดะ? เพราะจริงๆ แล้วเขาไม่ได้เข้าข่ายอะไรเลย
ประการแรก ลิเวอร์พูลไม่มีนโยบายที่จะซื้อผู้เล่นอายุมาก มีเพียงรายของ เจมส์ มิลเนอร์ และ ติอาโก อัลกันตารา เท่านั้นที่ได้รับการยกเว้น (มิลเนอร์ย้ายมาฟรีด้วยซ้ำ) ซึ่งเอนโดะกลายเป็นข้อยกเว้นไปอีกคน เพราะอายุอานามมากถึง 30 ปีแล้ว
ประการต่อมาคือ เอนโดะไม่ได้ดูเป็นนักเตะในสเปกของลิเวอร์พูลมากนัก ด้วยความเป็นผู้เล่นเอเชียรูปร่างไม่ได้สูงใหญ่ และมีความเป็นนักกีฬาสูง เพราะหากมองเป้าหมายอย่างไกเซโด, ลาเวีย หรือเป้าหมายก่อนหน้านี้อย่าง โอเรเลียง ชูอาเมนี และ จูด เบลลิงแฮม จะพบว่ามีความแตกต่างจากเอนโดะเป็นอย่างมาก
การที่เลือกนักเตะอายุมากและไม่ได้ตรงตามสเปกอย่างเอนโดะมาร่วมทีม จึงสามารถมองได้ว่า เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยวิธีการคิดนอกกรอบของลิเวอร์พูล
เพราะหากจะเจาะตลาดหานักเตะตามสเปกในเวลานี้ ด้วยกรอบที่มีจะเป็นการยากมากที่จะหามาได้ หากไม่แพงก็อาจเป็นนักเตะที่ไม่ได้รับการพิสูจน์มามากพอ
นักเตะอย่างเอนโดะอาจไม่ตรงสเปก แต่อย่างน้อยก็น่าจะตอบโจทย์พอสมควร ด้วยการเป็นกองกลางตัวรับแท้ๆ ที่มีสกิลในการสร้างสรรค์เกมบ้าง และสามารถเป็น Squad Player ที่อดทนรอโอกาสได้เหมือน เจมส์ มิลเนอร์ ที่คล็อปป์บอกว่าอยากมีนักเตะแบบนี้อีกคน
และอย่าลืมว่าลิเวอร์พูลยังมี สเตฟาน ไบเซติช รวมถึง ติอาโก อัลกันตารา กองกลางที่เล่นตัวรับได้และใกล้เรียกความฟิตกลับมาเต็มทีอยู่แล้ว เท่ากับคล็อปป์จะมีตัวเลือกตำแหน่งนี้มากขึ้น โดยที่ยังมีตัวทดแทนอย่าง อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และ เคอร์ติส โจนส์ ไว้ใช้งานพอถูไถ
การซื้อนักเตะที่ค่าตัวไม่สูงมากแบบนี้จึงเป็นการลงทุนที่ไม่น่าจะถึงกับเสียหายอะไร
อย่างน้อยการเร่งแก้ปัญหาไวก็ดีกว่าการไม่ทำอะไรเลย แล้วรอจนถึงวันสุดท้ายของตลาดการซื้อ-ขาย ซึ่งลิเวอร์พูลไม่อยากเจอ ‘อาร์ตูคนที่ 2’ อีกแล้ว
อังเดร ตรินดาเด จากฟลูมิเนนเซ
อาจเป็นเป้าหมายหลักที่ลิเวอร์พูลต้องการและซื้อเอนโดะมารอเวลา
อีกเหตุผลลึกๆ ในดีลเอนโดะ
การเลือกเอ็นโดะมาร่วมทีมยังมีอีกเหตุผลหนึ่งสำคัญที่ซ่อนอยู่ นอกจากการลดความกดดดันแล้วคือการ ‘ซื้อเวลา’ ด้วย โดยมีโอกาสที่ลิเวอร์พูลจะไม่ซื้อใครเพิ่มอีกในตำแหน่งกองกลางตัวรับ แม้ว่าจะมีข่าวกับอีกหลายคนก็ตาม
นั่นเพราะเป้าหมายอีกคนที่ลิเวอร์พูลสนใจและมีความเป็นไปได้คือ อังเดร ตรินดาเด กองกลางชาวบราซิลจากสโมสรฟลูมิเนนเซ ซึ่งเป็นหนึ่งในดาวเด่นของลีกลูกหนังเมืองแซมบ้า ที่ติดขัดเรื่องสำคัญซึ่งอาจซื้อตัวในตลาดรอบนี้ได้คือ การที่ยังติดการแข่งขันรายการโคปาลิเบอร์ตาดอเรสคัพอยู่
เชื่อกันว่าอังเดรจะสามารถย้ายทีมได้ในรอบตลาดการซื้อ-ขายฤดูหนาว ซึ่งฟุตบอลบราซิลจบฤดูกาลเป็นที่เรียบร้อยแล้วในตอนนั้น
อังเดรมีโอกาสที่จะเป็น ‘ตัวจริง’ ในระยะยาวของลิเวอร์พูลมากกว่าเอนโดะที่จะเป็นการแก้ปัญหาในช่วงเวลาสั้นๆ
หรือต่อให้ไม่ใช่อังเดร แต่อย่างน้อย 3-4 เดือนจากนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ลิเวอร์พูลได้ลองค้นหาคำตอบที่เหมาะสมและดีที่สุดกับสโมสร ซึ่งสถานการณ์ในเกมฟุตบอลสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว อาจมีกองกลางหน้าใหม่แจ้งเกิดมาอีก หรืออาจมีสตาร์ที่ไม่มีความสุขและอยากย้ายทีม ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
ดังนั้นถึง วาตารุ เอนโดะ จะไม่ใช่นักเตะที่โดดเด่นอะไรนักและเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม โดยเฉพาะคำถามสำคัญที่ว่า จะมาช่วยแก้ปัญหาในแดนกลางของลิเวอร์พูลได้จริงหรือจะเป็นแค่ตัวสำรองอดทนรอคอยโอกาส แต่อย่างน้อยจากข่าวนี้ก็ดูเป็น Good Vibes อยู่
เป้าหมายของลิเวอร์พูลตอนนี้คือ การหาความลงตัวให้กับทีมให้เจอก่อน หลังจากเสียหลักเพราะเสียทั้ง ฟาบินโญ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ไปพร้อมๆ กัน
ที่เหลือค่อยว่ากัน
อ้างอิง: