วันนี้ (15 พฤษภาคม) พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ชี้แจงความคืบหน้าการดำเนินคดีเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอารามหลวง ที่ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมยักยอกเงินของวัดเป็นจำนวนเงินหลักร้อยล้านบาท โดยพบเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์
ล่าสุด กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องเพิ่มอีก 1 ราย ซึ่งเป็นนายหน้าเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์
พล.ต.ท. จิรภพ เปิดเผยว่า กองปราบได้รับแจ้งเรื่องพฤติกรรมการยักยอกเงินของเจ้าอาวาสรูปดังกล่าว จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่สืบสวนแฝงตัวเข้าไปร่วมกิจกรรมภายในวัดเป็นเวลาหลายเดือน เพื่อรวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐาน
จนกระทั่งพบหลักฐานเส้นทางการเงินที่มีการโอนเงินจำนวนหลายร้อยล้านบาทออกจากบัญชีของวัดไปยังบัญชีบุคคลภายนอก ซึ่งส่วนหนึ่งไปพัวพันกับพนันออนไลน์ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลในรายละเอียดส่วนนี้เพิ่มเติม
สำหรับกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาได้เข้ามอบตัวก่อนที่จะมีการออกหมายจับนั้น พล.ต.ท. จิรภพ ยืนยันว่าไม่มีผลต่อรูปคดี โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนจะพิจารณาไม่อนุญาตให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน ส่วนการให้การนั้น ทางผู้ถูกกล่าวหายังไม่ขอให้การใดๆ ในตอนนี้
นอกจากนี้ พล.ต.ท. จิรภพ ระบุว่า ยังมีผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 1 ราย คือ อรัญญาวรรณ ซึ่งจากข้อมูลพบว่าเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามสามารถติดตามจับกุมตัวอรัญญาวรรณได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี
ซึ่งมีข้อมูลว่าเป็นนายหน้าและมือรับแทงเดิมพันในเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการนำตัวเข้ามาสอบปากคำที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.)
ด้าน พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวเสริมว่า ข้อมูลและหลักฐานที่เจ้าหน้าที่รวบรวมได้นั้นเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่มีความน่าเชื่อถือ โดยหลังจากนี้จะดำเนินการขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดที่อาจร่วมขบวนการ
ยืนยันว่าการที่ผู้ต้องหาบางส่วนเข้ามอบตัวก่อนการปฏิบัติการที่กำหนดไว้เดิม ไม่ได้หมายถึงแผนการทำงานของเจ้าหน้าที่รั่วไหลหรือแผนแตกแต่อย่างใด ตำรวจมีพยานหลักฐานที่เพียงพอสำหรับการดำเนินคดีอย่างแน่นอน
ส่วนขั้นตอนการลาสิกขาของผู้ถูกกล่าวหานั้น พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ชี้แจงว่า ไม่ใช่อำนาจของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะพิจารณาในเรื่องนี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำ และจะมีการประสานไปยังมหาเถรสมาคมเพื่อให้พิจารณาในขั้นตอนทางพระวินัยและกฎของมหาเถรสมาคมต่อไป