วันนี้ (22 มกราคม) ร.ต.อ. พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร (กทม.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ของกรุงเทพมหานคร โดยมี พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุม ว่าวันนี้สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่ กทม. ดีขึ้น เมื่อเทียบการตรวจวัดคุณภาพอากาศฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่ กทม. ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงของเมื่อวานนี้ (21 มกราคม) อยู่ที่ 70 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่ในวันนี้ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงอยู่ที่ 43 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทำให้จากเดิมที่มีพื้นที่สีเหลือง และพื้นที่สีส้มจำนวนมาก เนื่องจากมีค่าฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน และส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน
ขณะนี้มีพื้นที่สีเขียวหรือพื้นที่ที่ปลอดภัย และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนแล้ว จำนวน 12 จุด และมีพื้นที่สีเหลืองและสีส้ม จำนวน 25 จุด จากจำนวนสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ จำนวน 37 จุดของ กทม. ซึ่งยังเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ แต่มีแนวโน้มที่จะลดลง เนื่องจากลมตะวันออกมีกำลังแรงมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้สถานการณ์ฝุ่นในพื้นที่ กทม. จะดีขึ้นภายใน 1-2 วันนี้ และจากสถานการณ์ที่จะดีขึ้น ทาง กทม. จึงพิจารณาไม่ประกาศหยุดการเรียนการสอนในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากไม่อยากให้กระทบต่อผลการเรียนของนักเรียนในสังกัดของ กทม. และคาดว่าเด็กนักเรียนจะไม่ได้รับผลกระทบหรืออันตรายจากฝุ่น PM2.5
สำหรับการแจกหน้ากากอนามัยที่ทาง กทม. นำไปแจกบริเวณสถานีรถไฟฟ้า BTS ต่างๆ รวมทั้งที่ศูนย์บริการสาธารณสุข ทั้ง 68 แห่ง และ 50 สำนักงานเขต ขณะนี้ได้รับการตอบรับอย่างดี ประชาชนเริ่มใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันและดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ส่วนการขยับเลื่อนเวลาการทำงานของข้าราชการสังกัด กทม. ก็ยังจะดำเนินการต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
นอกจากนี้ ทาง กทม. จะเพิ่มมาตรการการฉีดน้ำล้างต้นไม้ เพื่อลดปริมาณฝุ่นในอากาศ เนื่องจากสถานการณ์ฝุ่นปัจจุบันไม่ได้มีเพียงฝุ่น PM2.5 แต่ยังมีควัน และฝุ่น PM10 ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาทางสุขภาพเช่นกัน ดังนั้น กทม. จะดำเนินการฉีดล้างต้นไม้ เพื่อล้างฝุ่นออกจากใบไม้ เพื่อให้ใบไม้มีพื้นที่สำหรับดักจับฝุ่นที่ลอยอยู่ในอากาศ โดยจะดำเนินการฉีดล้างในช่วงเวลากลางคืน เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนในการใช้ชีวิตประจำวัน ส่วนมาตรการด้านอื่นๆ ทาง กทม. จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่นอย่างต่อเนื่องต่อไป
ด้าน พล.ต.ต. ไพศาล ลือสมบูรณ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวเพิ่มเติมว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ร่วมดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 มาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2562 ได้ดำเนินการกวดขันรถที่มีควันดำเกินมาตรฐาน 45% สามารถตรวจจับได้กว่า 140,000 คัน ซึ่งมากกว่าปี 2561 จำนวน 6% โดยระหว่างวันที่ 3-21 มกราคมที่ผ่านมา ตรวจจับได้กว่า 7,400 คัน และในวันที่ 21 มกราคม วันเดียวตรวจจับได้ 605 คัน
ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลต้องขอความร่วมมือผู้ประกอบการและเจ้าของรถยนต์ ทำการตรวจสภาพรถยนต์ของท่านให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ เนื่องจากสาเหตุหลักของปัญหาฝุ่น PM2.5 ส่วนมากมาจากการสันดาปของเครื่องยนต์ที่ไม่สมบูรณ์ รวมทั้งไม่จอดรถในที่ห้ามจอด เนื่องจากเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การจราจรติดขัด ซึ่งจะส่งผลให้มีปริมาณฝุ่น PM2.5 เพิ่มขึ้น
ภาพ: แฟ้มภาพ
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์