สถานีโทรทัศน์ CNBC ประมวลสรุปสาระสำคัญจากสุนทรพจน์ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีนักลงทุนเจ้าของบริษัท Berkshire Hathaway ซึ่งครอบครองและถือหุ้นในเครือบริษัทที่หลากหลาย จนกระทั่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นตัวชี้วัดสุขภาพทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ท่ามกลางความเห็นต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและทิศทางการลงทุนมากมาย สาระสำคัญหนึ่งที่สามารถสรุปมาได้ก็คือ เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ไม่น่าจะหนีพ้นจากภาวะถดถอย อย่างที่บรรดากูรูหลายสำนักเชื่อมั่นกัน
บัฟเฟตต์ ในฐานะ Oracle of Omaha กล่าวต่อบรรดาผู้ถือหุ้นประมาณ 40,000 รายที่มารวมตัวกันในโอมาฮา ในการประชุมประจำปีของ Berkshire Hathaway เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (6 พฤษภาคม) ว่าช่วงเวลาพิเศษของการใช้จ่ายมากเกินไปจากการกระตุ้นการแพร่ระบาดของโควิดสิ้นสุดลงแล้ว และตอนนี้ธุรกิจจำนวนมากที่ตนเข้าไปถือหุ้นอยู่กำลังเผชิญกับภาวะสินค้าคงคลังที่สะสมไว้มากและจำเป็นต้องกำจัดออกไป
บัฟเฟตต์อธิบายว่า บรรยากาศเศรษฐกิจการค้าในเวลานี้แตกต่างจากเมื่อช่วง 6 เดือนก่อนหน้า และตัวเลขความแตกต่างนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เหล่าผู้จัดการของ Berkshire ประหลาดใจ บริษัทที่ถือหุ้นหลายแห่งมีสินค้าคงคลังในจำนวนมากเกินไป ท่ามกลางผู้บริโภคที่ไม่อยู่ในภาวะที่ต้องการซื้ออีกต่อไป ซึ่งบัฟเฟตต์คาดการณ์ว่า น่าจะได้เริ่มเห็นบรรดาบริษัททั้งหลายแห่ออกมาลดกระหน่ำสินค้าที่มีอยู่ในช่วงที่ไม่จำเป็นต้องลดราคามาก่อน โดยสถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้รายได้ของบริษัทลดลง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- 9 ไฮไลต์สำคัญของ ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ และ ‘ชาร์ลี มังเกอร์’ ในการประชุม Berkshire Hathaway
- วอร์เรน บัฟเฟตต์ เปรียบเทียบ ‘AI’ เป็นเหมือน ‘ระเบิดปรมาณู’
- ไขเรื่องราวการเดิมพันครั้งสำคัญของ ‘Buffett’ กับหุ้นญี่ปุ่น
โดยก่อนหน้านี้ สถานการณ์ของหลายธุรกิจอยู่ในช่วงภาวะ ‘สุดโต่ง’ ที่ผู้บริโภคได้รับแรงกระตุ้นจนทำให้ดีมานด์ล้นตลาด ซึ่งส่งผลให้ผู้จัดการหลายคนในบริษัทเครือข่ายของ Berkshire ประเมินความต้องการผลิตภัณฑ์บางอย่างสูงเกินไป ดังนั้น ในกรณีที่ภาวะกระตุ้นสิ้นสุดลงและเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว บรรดาบริษัททั้งหลายอยู่ในภาวะที่ต้องขายในขณะที่ดีมานด์ลดลง
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้บัฟเฟตต์ เจ้าพ่อไอคอนแห่งการลงทุนวัย 92 ปี คาดการณ์ว่ารายได้สำหรับธุรกิจจำนวนมากในเครือ Berkshire Hathaway น่าจะลดลงอย่างมาก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวที่เกิดขึ้น และรายงานรายได้ของหลายบริษัทในปีนี้อาจจะต่ำกว่าปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงบรรดาบริษัทที่ Berkshire Hathaway ถือหุ้นอยู่ บัฟเฟตต์มองว่า Berkshire ยังอยู่ในตำแหน่งที่ดีในแง่ของรายได้จากการลงทุน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะทำให้กลุ่มบริษัทได้รับผลตอบแทนที่ดี โดยจากข้อมูลการลงทุน ณ ช่วงสิ้นไตรมาสแรกปี 2023 Berkshire เป็นเจ้าของเงินสดและพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.3 แสนล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ Berkshire เป็นเจ้าของกลุ่มบริษัทสาขาที่หลากหลาย ตั้งแต่ Borsheims Fine Jewelry และชุดกีฬา Brooks Running ไปจนถึง Duracell, See’s Candies, Dairy Queen, บริษัทเสื้อผ้า Fruit of the Loom และ Nebraska Furniture Mart ทำให้บรรดานักลงทุนมักมองหาข้อมูลเชิงลึกทางเศรษฐกิจจากบัฟเฟตต์ เนื่องจากธุรกิจจำนวนมหาศาลของเจ้าตัวเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับการใช้จ่ายในวงกว้างและอุปสงค์โดยรวม
ยิ่งไปกว่านั้น การที่ Berkshire เป็นเจ้าของ BNSF Railway ทำให้บัฟเฟตต์มีมุมมองที่กว้างขวางเกี่ยวกับสินค้าที่จัดส่งไปทั่วประเทศ และการดำเนินงานด้านพลังงานที่สำคัญ ซึ่งสามารถให้เบาะแสถึงระดับของกิจกรรมทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ด้วย
ทั้งนี้ ข้อมูลผลประกอบการของบริษัทในช่วงไตรมาส 1 ปี 2023 พบว่า Berkshire สามารถดำเนินไปได้ด้วยดีแม้ในสภาพแวดล้อมที่เศรษฐกิจมหภาคเผชิญกับความท้าทายมากมาย โดยกำไรจากการดำเนินงานพุ่งขึ้น 12.6% โดยผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของธุรกิจประกันภัยของกลุ่มบริษัท รายได้โดยรวมก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยส่วนหนึ่งจากการได้รับพอร์ตหุ้นซึ่งนำโดย Apple
บัฟเฟตต์กล่าวปิดท้ายในงานประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีว่า โลกของธุรกิจลงทุนคือโลกของความไม่แน่นอน และไม่มีอะไรที่จะแน่นอนตลอดไป ดังนั้น นักลงทุนทั้งหลายต้องทำใจยอมรับความไม่แน่นอนในส่วนนี้ด้วย
อ้างอิง: