เมื่อไรก็ตามที่ Warren Buffett ปรับพอร์ตโฟลิโอหรือซื้อสินทรัพย์ใหม่มักจะเป็นข่าวทุกครั้ง เนื่องจากยังมีนักลงทุนจำนวนมากที่ต้องการลงทุนและประสบความสำเร็จตาม
โดยจากพอร์ตโฟลิโอฉบับเต็มของบริษัท Berkshire Hathaway ฉบับที่เปิดเผยต่อสาธารณะแสดงให้เห็นว่า ท่ามกลางรายการหุ้นมากมาย ยังปรากฏชื่อของกองทุน ETF อยู่ ได้แก่ SPDR S&P 500 ETF Trust (SPY) และ Vanguard S&P 500 ETF (VOO)
โดยกองทุนทั้ง 2 นี้เป็น ETF ที่ติดตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวงกว้างผ่านทางดัชนี S&P 500 และถึงแม้กองทุนเหล่านี้จะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของพอร์ตโฟลิโอของ Buffett แต่ Buffett ก็พูดซ้ำแล้วซ้ำอีกตลอดว่า ผู้คนควรลงทุนกับดัชนีแนวนี้
“ในมุมมองของผม สำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่สิ่งที่ดีที่สุดที่ต้องทำคือ การเป็นเจ้าของกองทุนดัชนี S&P 500” Buffett กล่าวในการประชุมประจำปีของ Berkshire ปี 2020
“เคล็ดลับไม่ใช่การเลือกบริษัทที่ถูกต้อง แต่เคล็ดลับคือการซื้อบริษัทใหญ่ๆ ทั้งหมดผ่าน S&P 500 และทำอย่างสม่ำเสมอ พร้อมกับใช้ต้นทุนที่ต่ำมาก” Buffett บอกกับ CNBC ในปี 2017
วิธีเลือกกองทุนดัชนี S&P 500
Berkshire ลงทุนในกองทุน S&P 500 ที่โดดเด่น 2 กองทุน โดยหากลงทุนตาม แต่ละกองทุนจะทำให้คุณได้รับความเสี่ยงและผลตอบแทนเท่ากันโดยคร่าวๆ แต่ความแตกต่างที่สำคัญก็คือ ‘ต้นทุน’
โดย SPY มีค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุนรวม (Expense Ratio) 0.095% ขณะที่ VOO อยู่ที่ 0.03% แม้ส่วนต่างดังกล่าวอาจดูเหมือนไม่มากนัก แต่หากคิดเป็นอัตราตลอดชีวิตก็สามารถสร้างความแตกต่างได้
เนื่องจากในท้ายที่สุดแล้ว เงินที่จ่ายในรูปค่าธรรมเนียมคือเงินที่ไม่ได้ลงทุนและจะไม่ช่วยทบต้น นี่เป็นเหตุผลหลักที่นักวิเคราะห์ของ Morningstar ให้คะแนนระดับ ‘ทอง’ แก่ VOO และ ‘เงิน’ แก่ SPY
ทำไมถึงต้องจ่ายเงินมากขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกัน?
ในกรณีของ SPY นั้นขึ้นอยู่กับการได้ราคาที่ดีในการซื้อขายออปชัน Todd Rosenbluth หัวหน้าฝ่ายวิจัยการลงทุนของ VettaFi กล่าว
“SPY เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากกว่าสำหรับวัตถุประสงค์ในการซื้อขายระยะสั้น เนื่องจากมีสเปรดที่แคบมาก” Rosenbluth กล่าว
แต่สำหรับนักลงทุนระยะยาว โดยทั่วไปแล้วนักลงทุนต้องการตั้งเป้าหมายที่จะรักษาต้นทุนให้ถูกที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ VOO และกองทุนต้นทุนต่ำพิเศษอื่นๆ จึงเป็น “ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกว่าสำหรับผู้ที่ถือระยะกลางหรือระยะยาว” Rosenbluth กล่าว
อ้างอิง: