หลังจากปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่มานานจนถึงวาระสุดท้าย ไม่ว่าจะจากกันด้วยการปลดประจำการหรือเสียชีวิตในหน้าที่ สุนัขสงครามเหล่านี้คือฮีโร่ในหลากหลายเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเหตุการณ์ไฟไหม้, สึนามิ, ตึกถล่ม, ค้นหายาเสพติด หรือเหตุการณ์ความไม่สงบในชายแดนใต้ สุนัขทหารเหล่านี้จะอยู่ร่วมปฏิบัติภารกิจอย่างกล้าหาญเสมอ
ไม่ใช่จะมีแต่ ‘คน’ เท่านั้นที่มีห้วงเวลาของการปลดเกษียณ แต่สุนัขทหารเหล่านี้ที่ทำหน้าที่ช่วยราชการ และเมื่อถึงวัยอันสมควรก็ต้องหยุดงานและเข้าสู่โหมดของการพักผ่อนตามอายุขัยหรือสุขภาพ
สุนัขทหารปลดประจำการ ที่กองพันสุนัขทหารขณะนี้ 44 ตัว ซึ่งมีอายุระหว่าง 8-11 ปี โดยส่วนใหญ่ตามเกณฑ์เมื่อสุนัขอายุครบ 8 ปีถือว่าเป็นสุนัขแก่ที่ต้องเกษียณอายุตามระเบียบ แต่ทางศูนย์ยังคงเลี้ยงและดูแลไว้เป็นอย่างดี โดยให้อยู่ในสถานที่ปลอดโปร่ง อาคารชั้นเดียวคล้ายกับห้องเช่า ล็อกละ 1 ตัว มีประตูกรงเหล็ก และกำลังพลทหารคุ้นเคยเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิด ดูแลและมีการทำความสะอาดล้างสถานที่ รวมทั้งอาบน้ำ เช็ดตัวแปรงขนให้ทุกสัปดาห์ ส่วนโภชนาการ เนื่องจากสุนัขมีอายุมากก็จะให้อาหารเม็ดที่มีประโยชน์ และควบคุมอาหารเพื่อไม่ให้อ้วนพลีมากจนเกินไป
ชีวิตหลังหลังเกษียณสุนัขจะได้พักผ่อนและเป็นสุนัขครู ใช้ฝึกสำหรับทหารใหม่ เยาวชน หรือใช้ในเชิงการท่องเที่ยว แต่จะไม่ใช้งานหนักเกินไป
สำหรับสุนัขเกษียณหรือสุนัขแก่ที่ใช้อยู่ในเหล่าทัพ ปัจจุบันมีจำนวนมากกว่า 900 ตัว ที่ผ่านการฝึกจากศูนย์ เมื่อทำงานจนอายุครบ 8 ปี ถ้าหากมีสุขภาพดีก็ยังทำงานได้ แต่ถ้าครบ 8 ปี สุขภาพไม่ดี ก็จะจำหน่ายหรือปลดเกษียณไป แต่ยังให้ผู้บังคับสุนัขเลี้ยงดูต่อไป โดยมีงบประมาณการดูแลสุนัขปลดเกษียณ ซึ่งได้รับอาหารและอาหารเสริมตามความเหมาะสม เพราะถือว่าสุนัขเหล่านี้มีคุณประโยชน์เหมือนกำลังพลประเภทหนึ่ง ต้องดูแลไปจนกว่าสุนัขจะสิ้นอายุขัยไปเองไม่ได้ถูกทอดทิ้ง
อนุสรณ์สถานยูเบิร์น หลักฐานแห่งความภาคภูมิใจและความอาลัยของกองพันสุนัขทหาร สัญลักษณ์ สายจูง สิ่งเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมสุนัขและสุนัขที่ปฏิบัติหน้าที่
ยูเบิร์นเสียชีวิตพร้อม พ.ต. ปริญญา ปราบวิชิต ผู้บังคับสุนัขทหาร จากระเบิดแสวงเครื่องที่ถูกซุกซ่อนไว้ในรถจักรยานยนต์ ระหว่างออกปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้