วันนี้ (21 สิงหาคม) วันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ว่า เสียงที่พรรคเพื่อไทยต้องการประมาณ 60 เสียง ซึ่งหากตัด 13 คนที่โหวตให้เดิม จะเหลือเพียง 45 เสียง ตอนนี้เกินไปมากแล้ว เชื่อว่าน่าจะได้ถึง 190 เสียง เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่ สว. จะไม่ให้ความเห็นชอบ เนื่องจากตอนนี้พรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐก็เข้าร่วมรัฐบาลแล้ว หากไม่ให้ความเห็นชอบจะตอบสังคมว่าอย่างไร และเท่าที่พูดคุยกับ สว. ตั้งแต่เช้ามา ทุกคนอยากให้ประเทศเดินหน้า ไม่มีใครอยากขวางกั้นหรือเป็นอุปสรรคในการโหวตครั้งนี้ ดังนั้นไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะเสนอใครเป็นนายกฯ สว. จะโหวตให้
วันชัยยอมรับว่า ยังมี สว. บางคนแสดงความคิดเห็นคัดค้าน แต่ยืนยันได้ว่าส่วนใหญ่พูดแบบเสียงดังฟังชัดว่าจะโหวตให้นายกฯ จากพรรคเพื่อไทยแน่นอน เพราะไม่อยากเป็นอุปสรรคหรือจระเข้ขวางคลอง ตอนนี้สมาชิกถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี ส่วนเรื่องคุณสมบัติเป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องตรวจสอบกันต่อไป สว. มีเพียงหน้าที่โหวตนายกฯ เมื่อเสียงส่วนใหญ่เสนอใครเข้ามาก็ควรให้ความเห็นชอบ
เมื่อถามย้ำว่า หากพรรคเพื่อไทยเสนอชื่อ เศรษฐา ทวีสิน ซึ่งตอนนี้กำลังถูกตรวจสอบอย่างหนัก และมี สว. ส่วนใหญ่ไม่ค่อยพอใจ วันชัยกล่าวว่า เป็นเรื่องปกติเหมือนกับตอนโหวต พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ที่มีสมาชิกลุกขึ้นอภิปรายเรื่องคุณสมบัติ และเชื่อว่าวันพรุ่งนี้ก็จะมีสมาชิกลุกขึ้นเช่นกัน แต่ยังเชื่อว่าเสียงส่วนใหญ่จะโหวตให้ถ้าเป็นเศรษฐา ไม่มีอะไรที่ประชาชนจะต้องกังวล เชื่อว่าวันพรุ่งนี้จะผ่านไปโดยไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น
ส่วนการตรวจสอบคุณสมบัติของเศรษฐาในคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา จะมีผลต่อการโหวตเลือกนายกฯ หรือไม่นั้น วันชัยกล่าวว่า แม้จะมีการตรวจสอบในชั้นกรรมาธิการฯ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการโหวตเลือกนายกฯ ในวันพรุ่งนี้ และการเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องของสมาชิก 750 คน การแสดงความคิดเห็นของบุคคลใดบุคคลหนึ่งไม่สามารถนำมาตัดสินความคิดเห็นของคนทั้งหมดได้ พร้อมตั้งคำถามว่าการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องการแสดงความเห็นของบุคคลภายนอก หรือเป็นเรื่องของสมาชิกรัฐสภา 750 คน
วันชัยเชื่อว่าหากเป็น แพทองธาร ชินวัตร หรือ ชัยเกษม นิติสิริ ตลอดจน อนุทิน ชาญวีรกูล ก็อาจมีข้อกล่าวหาเช่นเดียวกัน ซึ่งสมาชิกได้พูดคุยกันในเรื่องนี้จนตกผลึกว่า ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษา หรือองค์กรที่เกี่ยวข้องวินิจฉัยเกี่ยวกับคุณสมบัติก็ให้ถือว่าบุคคลนั้นมีคุณสมบัติครบถ้วน และเชื่อว่า สว. ส่วนใหญ่จะสนับสนุนแนวทางนี้ และวันพรุ่งนี้จะจบเร็ว เพราะน่าจะใช้เวลาอภิปรายไม่มาก
