วันนี้ (23 มิถุนายน) วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา กล่าวแสดงความเห็นถึงการบริหารจัดการงานของสภาผู้แทนราษฎร ภายหลังที่ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลต่อไป สืบเนื่องจากกรณีที่พรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล
วันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า รัฐสภาเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ดังนั้น เรื่องการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรี การเปลี่ยนแปลงในพรรค การเปลี่ยนจำนวนสัดส่วนฝ่ายค้านหรือรัฐบาลนั้น เป็นเรื่องของรัฐบาล สภาฯ ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ได้ แต่สภาฯ มีความพร้อมเมื่อเปิดสมัยประชุมญัตติ หรือร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ที่รัฐบาลเสนอก็ต้องพิจารณากันไป
“โดยเสียงรัฐบาลจะเป็นอย่างไรนั้นให้เป็นเรื่องของที่ประชุม เพราะสภาฯ มีอิสระในการลงคะแนน จึงคาดคะเนไม่ได้ แต่หวังว่ารัฐบาลจะดำเนินการไปได้ เพราะประเทศเรามีปัญหาเยอะทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ปัญหาชายแดน ถ้าเราไม่สามัคคีกัน ไม่ฟันฝ่าอุปสรรคเหล่านี้จะเป็นปัญหาต่อพี่น้องประชาชน” วันมูหะมัดนอร์กล่าว
ส่วนที่ขณะนี้รัฐบาลอยู่ในช่วงเสียงปริ่มน้ำ หากเสียงไม่พอโหวตร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรฯ (Entertainment Complex) และ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2569 เกิดอุบัติเหตุการเมืองในช่วงนี้หรือไม่ วันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า เป็นเรื่องของรัฐบาลที่ต้องตัดสินใจเลือกว่าจะใช้วิธีใด อะไรที่เป็นปัญหาความขัดแย้งก็ไม่ควรเสนอเข้าสภาฯ ชุดนี้ แต่สิ่งที่รัฐบาลปฏิเสธไม่ได้คือเรื่องงบประมาณต้องแล้วเสร็จ ซึ่งคาดว่า พ.ร.บ.งบประมาณฯ จะสามารถผ่านสภาฯวาระ 2 และ วาระ 3 ได้โดยไม่ชักช้า
“ยิ่งในภาวะที่ประเทศมีปัญหาเศรษฐกิจที่ต้องการก้อนเงินมาพัฒนาประเทศ ส่วนภาคเอกชนจะลงทุนทำอะไรนั้นย่อมรอรัฐบาลด้วยเช่นกัน เรื่องงบประมาณทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาลจึงต้องช่วยกันว่าจะทำอย่างไรให้งบประมาณออกมาใช้ได้” วันมูหะมัดนอร์กล่าว
ส่วนร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรฯ นั้นเบื้องต้นวิป 2 ฝ่ายต้องคุยกันก่อนว่ากฎหมายสำคัญฉบับไหนจะเลือกขึ้นมาพิจารณาก่อน แต่การพิจารณากฎหมายก็ขึ้นอยู่อีกว่ารัฐบาลจะขอเลื่อน หรือขอต่อ
สำหรับปัญหาอื่นๆ ฝ่ายค้านและรัฐบาล ก็สามารถกำหนดเส้นทางได้ ทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือการตรวจสอบอะไรที่ผิดถูกก็มีองค์กรตรวจสอบ แต่งบประมาณหากล่าช้าไปจะเป็นปัญหา ใครมาเป็นรัฐบาลก็ต้องใช้งบ ส่วนใครจะมาเป็นรัฐบาลต่อไปก็เป็นเรื่องของนักการเมืองกำหนดว่าใครจะเป็นคนจัดตั้งรัฐบาล
