Walmart แบรนด์ผู้ประกอบการค้าปลีกยักษ์ใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ได้เริ่มโปรเจกต์การทดสอบให้บริการ ‘บินโดรนส่งสินค้า’ และของชำให้กับลูกค้าของพวกเขาในเมืองเฟย์เอตต์วิลล์ รัฐนอร์ทแคโรไลนา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันพุธที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ ซึ่งโดรนใช้ขนส่งสินค้าเหล่านี้จะถูกควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติผ่านคลาวด์แบบเบ็ดเสร็จ 100%
ความตั้งใจเบื้องหลังการบุกเบิกทดสอบให้บริการโดรนเดลิเวอรีส่งสินค้าโดย Walmart มาจากความคาดหวังที่พวกเขาต้องการจะพยายามทำความเข้าใจเทคโนโลยีรูปแบบใหม่เหล่านี้ว่ามันจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทในอนาคตอย่างไร รวมถึงการส่งมอบบริการให้กับลูกค้าด้วยวิธีการที่ดีที่สุด
ทอม วาร์ด (Tom Ward) รองประธานฝ่ายอาวุโสแผนกผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคของ Walmart กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า “หนึ่งปีที่แล้ว ผู้ก่อตั้ง Walmart ของพวกเรา แซม วอลตัน ได้กล่าวเอาไว้ว่า ‘ผมถูกผลักดันให้ข้องแวะกับระบบต่างๆ เพื่อพัฒนานวัตกรรมและพา Walmart ก้าวไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา’ ซึ่งหลักการนี้ก็ยังคงเป็นแนวทางที่ Walmart ยึดถือจวบจนถึงปัจจุบัน
“กับความคิดริเริ่มล่าสุดในครั้งนี้ก็เช่นกัน เราต้องการที่จะศึกษาว่าโดรนจะสามารถส่งสินค้าด้วยวิธีการที่สะดวก ปลอดภัย และรวดเร็วได้อย่างไร เรากำลังก้าวไปอีกขั้นในการสำรวจถึงความเป็นไปได้ในการให้บริการส่งสินค้าแบบออนดีมานด์ด้วยการร่วมงานกับบริษัทที่ให้บริการโดรนเดลิเวอรีแบบ end-to-end อย่าง Flytrex”
ก่อนหน้านี้ถ้ายังจำกันได้ Walmart ก็เคยร่วมกับสตาร์ทอัพเทคโนโลยีและบริษัทผู้พัฒนานวัตกรรมต่างๆ เป็นจำนวนมาก ตัวอย่างเช่น การทำงานร่วมกับ Nuro เพื่อนำเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับมาใช้ส่งสินค้า, การนำหุ่นยนต์ทำความสะอาดพื้นอัตโนมัติ ‘เอ็มม่า’ (EMMA) ผลงานการประดิษฐ์ของบริษัท Brain Corp มาใช้งานในสโตร์บางแห่ง ตลอดจนการเปิดตัวต้นแบบร้านค้าอัจฉริยะ IRL (Intelligent Retail Lab) เป็นต้น
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- https://corporate.walmart.com/newsroom/2020/09/09/walmart-now-piloting-on-demand-drone-delivery-with-flytrex
- https://www.cnbc.com/2020/09/09/walmart-to-test-drone-delivery-of-grocery-household-items.html?__source=twitter%7Cmain
- https://www.reuters.com/article/us-walmart-dronedelivery-idUSKBN26022L?taid=5f5910009ce301000129b105&utm_campaign=trueAnthem:+Trending+Content&utm_medium=trueAnthem&utm_source=twitter