วัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD ถึงสถานการณ์การระบาดโควิดในระลอกสามว่า ภาพรวมธุรกิจในเครือเซ็นทรัลนั้น เมื่อต้นปีเราทำแผนธุรกิจไว้ว่าอยากกลับไปเหมือนปี 2562 ก่อนมีโควิด แต่พอมาเจอการระบาดระลอกสองและสาม เรียกว่าครึ่งปีแรกก็ไม่ดี
วัลลยากล่าวด้วยว่า ส่วนตัวไปอ่าน Scenario ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเซ็นทรัลมีศูนย์การค้าอยู่ที่นั่น เขามีความชัดเจนเป็น 4 Scenario ว่าถ้ามีคนติดเชื้อต่อวันจำนวนเท่านี้ มีคนฉีดวัคซีนจำนวนเท่านี้ มีเตียงว่างเท่านี้ กิจการใดจะเปิดได้ กิจการใดจะถูกสั่งปิด ซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้ภาคธุรกิจมีแนวทางในการปฏิบัติ มีความหวัง และสามารถวางแผนปัจจุบันและอนาคตได้
“เขา (ภาคธุรกิจ) ก็จะรู้ว่าถ้าภาครัฐเห็นว่าจำนวนเคสต่อวันเท่านี้ จำนวนวัคซีนเท่านี้ เตียงว่างเท่านี้ อะไรจะทำได้ อะไรจะทำไม่ได้ นี่คือสิ่งที่ภาคธุรกิจอยากฟัง เพราะถ้าเราฟังแล้วเราประมาณการได้ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้เดี๋ยวเราจะโดนสั่งปิดร้านอาหาร เดี๋ยวเราจะนั่งทานในร้านไม่ได้ เราจะได้รู้ว่าก่อสร้างจะหยุดหรือไม่ ถ้าจะให้หยุดต้องทำอย่างไรต่อ ต้องปฏิบัติตามมาตรการอะไรบ้างแล้วก่อสร้างเปิดได้ต่อ ผู้ประกอบการทุกคนเขาต้องการการวางแผน เพียงแต่ขอให้บอกแนวทางมา เราก็จะวางแผนและคาดการณ์ทางธุรกิจได้” วัลยากล่าว
วัลยากล่าวต่อไปว่า ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีความสุขที่จะต้องปิดกิจการ แต่ถ้าเรามีตัวเลขและข้อมูลประกอบพร้อมเหตุผลว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้เราจะต้องทำอะไร ผู้ประกอบการก็จะเข้าใจและวางแผนได้ดีขึ้น แต่คำสั่งที่ผ่านมาของภาครัฐ วัลยามองว่าอาจจะต้องมีการวางแผนที่ละเอียดกว่านี้ และต้องเข้าใจว่าคำสั่งหนึ่งคำสั่งมีผลกระทบคนจำนวนเท่าไรและกระทบแรงแค่ไหน ซึ่งคิดว่าภารรัฐคงเริ่มเข้าใจว่าคำสั่งทุกคำสั่งมีผลกระทบที่รุนแรงและเป็นวงกว้าง และถ้ามีการวางแผนที่ดีผลกระทบก็จะน้อยลง เธอหวังว่าภาครัฐจะเข้าใจผู้ประกอบการและภาคเอกชนมากขึ้น
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล